วันนี้ ผู้เขียนจะต้องพาคุณพ่อไปที่โรงพยาบาลเพื่อนำท่านตรวจร่างกายเนื่องจากท่านรู้สึกว่าเหนื่อยมาก (คุณพ่อของผู้เขียนอายุ ๘๓ ปี) ก็เป็นธรรดาของคนที่สูงอายุหรืออายุมาก เมื่อคุณหมอได้สอบถามอาการแล้วก็ไม่ปรากฎว่า เกิดจากความไม่อยากในอาหาร ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนก็เลยคิดว่าน่าจะได้แลกเปลี่ยนกับทุกท่านถึงความไม่อยาก
ความไม่อยากนี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาของเรา คือ ความไม่อยาก จะทำให้ไม่เกิดกิเลส ซึ่งกิเลสเป็นสิ่งที่เราไม่พึ่งประสงค์และพระพุทธองค์ได้สอนไว้ว่าให้ลดละกิเลส เพราะกิเลสทำให้เกิดความทุกข์ ดังนั้น ความไม่อยาก จะคู่กับความอยาก ความอยากได้ ความอยากมี ทำให้ผู้คนจะต้องดิ้นรนทำงานดิ้นรนทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามประสงค์ตามความอยาก
ขอวกกลับมาที่ ความไม่อยาก อีกครั้ง เป็นสิ่งที่เราควรจะตระหนักให้ดีว่า สิ่งใดที่เราควรไม่อยาก แน่นอนครับสิ่งที่ไม่ควรอยาก ควรจะเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เป็นกิเลสที่ทำให้เกิดความทุกข์ เราไม่ควรอยากรวยทางลัด เราไม่ควรอยากสวยโดยใช้เงินทอง (ควรจะสวยมาจากจิตใจที่ดีงาม ควรจะสวยด้วยกิริยามารยาท) เราไม่ควรอยากเก่งในทางที่ไม่ดี เราไม่ควรอยากรีบเร่งกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร เราไม่ควรอยากมีตำแหน่งที่ใหญ่สูงขึ้นโดยการใช้อำนาจบารมีเงินทอง
ความไม่อยากทำให้เราไม่เป็นทุกข์ ความไม่อยากทำให้เรามีความสุข (แต่สำหรับคนสูงอายุความไม่อยากอาหารจะไม่เป็นประโยชน์ เพราะร่างกายจะไม่ได้รับสารอาหารที่ส่วนเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง) ความไม่อยากทำให้เราได้เกิดสติได้คิดได้กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ความไม่อยากทำให้เราไม่ต้องเดือดร้อนในการหาสิ่งที่เราต้องการ
ดังนั้น ถ้าหากว่าเราทุกคนไม่เกิดความอยาก ไม่มีความอยากแล้ว กิเลสก็น้อยลง เมื่อกิเลสน้อยลง ความทุกข์ก็น้อยลงและไม่มี แล้วในที่สุดชีวิตของเราทุกคนทุกท่านจะมีแต่ความสุข จะมีแต่ความเจริญ เรามาร่วมกันสร้างความไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเราทุกคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรามาร่วมกันสร้างความไม่อยากเพื่อให้ความสุขในสังคมของเรา เมื่อได้ดังนั้นแล้วสังคมเราจะมีแต่ความสุขในที่สุด
มนูญ ศรีวิรัตน์
มนูญ ศรีวิรัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น