Nuffnang Ads

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อ้าว เอาอีกแล้ว “คนจังหวัดนี้”

วันนี้ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ได้มีโอกาสนั่งรถ Taxi  เมื่อขึ้นนั่งด้านในแล้ว สิ่งแรกที่ผมจะขาดไม่ได้ คือ ทักทายคนขับ “อ้ายเจ้าอยู่บ้านได๋”  ได้รับคำตอบกลับคืนว่า “แถวบ้านเฮานั่นแหละ” แล้วผมก็ไม่ได้ถามต่อว่าอยู่จังหวัดอะไร แต่สิ่งที่เราแลกเปลี่ยนกันคือ “ความน่าเบื่อของเมืองหลวงมันวุ่นวายเหลือเกิน”  พอพูดคุยกันไปพอสมควร  ในที่สุดคนขับ Taxi ก็เล่าให้ผมฟังดังนี้

“เมื่อสองสามปีที่ผ่านมาได้ลาออกจากบริษัท (มหาชน) แห่งหนึ่ง ได้เงินมาจำนวนหนึ่งก็เลยซื้อ Taxi ต่อจากอาเพื่อขับรับจ้าง และขณะเดียวกันก็มีเงินเหลือบ้างส่วนส่งกลับบ้านโดยนำเงินไปเซ้งที่ขายเสื้อผ้าในบริเวณของ Lotus Express (ซึ่งตั้งที่เทศบาลตำบล ที่อยู่ห่างจากตัวอำเภอ) โดยให้แม่เป็นคนดูแลกิจการดังกล่าว โดยนำเสื้อผ้าจากตลาดโบ้เบ้ ประตูน้ำ หรือ แพลทตินั่ม เป็นต้น โดยวิธีการคือจะมีลูกค้าสั่งผ่านแม่แล้วก็ส่ง Line หรือ Facebook ส่งรายละเอียดมาให้  แล้วก็จะขับ Taxi ไปซื้อที่ ตลาดโบ้เบ้ ประตูน้ำ หรือ แพลทตินั่ม หลังจากนั้นก็ส่งผ่านรถทัวร์ที่สถานนี้ขนส่งหมอชิต (ส่งเย็นถึงเช้า หรือ ส่งเช้าถึงเย็น) ก็ดำเนินการกิจการนี้มาเป็นเวลาปีกว่าๆ ทั้งขับรถ Taxi ไปด้วย  ก็นับว่ากิจการไปได้ด้วยดี  กำไรที่จากการขายเสื้อผ้าก็พอสมควรเพราะกลุ่มลูกค้าในเทศบาลตำบลมีทั้งนักเรียน แม่ค้า ข้าราชการ (ครู อบต) เป็นต้น  สิ่งที่คิดและทำเสมอคือ การคิดดี  ขับ Taxi ก็คิดแต่ดีๆ  การขายเสื้อผ้าก็เหลือแต่อันดีๆๆ ให้ลูกค้า”

ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมจับใจความจากการสนใจกันในระยะเวลาสั้นๆ ของช่วงการนั่ง Taxi ทำให้ผมทราบว่า คนขับ Taxi คนนี้ จะต้องเป็นคนดี เพราะเขาพูดถึง “แม่” เขาเสมอว่าที่เขาโตและมีวันนี้ได้ก็เพราะ “แม่” ของเขา (พ่อของเขาเสียไปนานแล้ว) เขาอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด อยากจะมีความสุขในการใช้ชีวิตที่ไม่วุ่นวาย ซึ่งเขาได้วางแผนชีวิตไว้เช่นกันว่า ขับ Taxi และขายเสื้อผ้า เก็บเงินอีกสักพักหนึ่งก็คงจะหาลู่ทางกลับไปทำมาหากินที่บ้านเกิดเมืองนอนอย่างแน่นอน
จากสิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้น ทำให้ผมทราบว่า คนขับ Taxi ท่านนี้มีสิ่งต่อไปนี้
-         ระลึกถึงพระคุณของผู้ให้กำเนิด (พ่อแม่) อยู่ตลอดเวลา
-         เป็นผู้ที่มีการวางแผน (ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนจบระดับปริญญาแต่อย่างใด)
-         เป็นผู้ที่รู้จักนำ Social Networks มาใช้ประกอบในการหารายได้ (ซึ่งเวลาหลังจากที่เลิกขับ Taxi ในตอนเย็นแล้ว เขาก็ดู Internet อ่านข่าว หาข้อมูลเกี่ยวกับอันที่จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง อันนี้เขาเล่าให้ผมฟังครับ)

และสุดท้ายเมื่อผมจะลงจาก Taxi ก็เลยถามเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เป็นคนที่ไหนครับ” เขาผมว่า
     “บ้านผมที่ตำบลแห่งหนึ่งของอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดร้อยเอ็ด ครับ”

 และแล้วก็ทำให้ผมได้รู้จักคนบ้านเดียวกันอีกท่านหนึ่ง “เราคนร้อยเอ็ดเหมือนกันครับ คนบ้านเดียวกัน

อจต. (มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์)

บันทึกไว้วันศุกร์ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ สนามบินดอนเมือง เวลา ๑๕.๓๐ น.