Nuffnang Ads

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

อาลัยท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี


                   ผมได้เห็นชื่อท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยอุบลราชธานี  สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งตอนนั้นผมเป็นนักเรียนทุนโครงการพัฒนาอาจารย์ของวิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขณะที่กำลังศึกษาระดับปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่เคยเห็นหน้าตาท่านว่าเป็นคนอย่างไร แต่ในใจคิดว่าก็คงจะใจดีเพราะถ้าไม่อย่างนั้น วิทยาลัยอุบลราชธานีคงจะไม่พิจารณารับผมเป็นนักเรียนทุน เมื่อผมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ก็เลือกวันที่จะมาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยเลือกวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๕ (ทั้งนี้ เนื่องจากเมืองอุบลราชธานีได้ถูกสถาปนาเป็น  “เมืองอุบลราชธานีศรีวนาไล ประเทศราช” เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๓๓๕) เพื่อจะได้ให้ตัวเองจำอะไรที่ง่ายๆ
            เมื่อกลับมารับใช้ทุนที่อุบลราชธานีเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๕ วิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยมีท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งคิดว่าเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่อาจารย์ได้เห็นได้พบกับท่านอธิการบดีทุกๆ วัน  เพราะอาคารอเนกประสงค์ (คณะบริหารศาสตร์ในปัจจุบัน) เป็นทั้งอาคารสำนักงานอธิการบดี คณะวิทยาศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ โครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ ห้องเรียน และโรงอาหาร และอื่นๆ   ผมเองก็คงคนหนึ่งที่โชคดีที่ได้พบกับท่านรศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี เกือบทุกวัน (ยกเว้นที่ท่านไปราชการ และหรือผมไม่ไปราชการ) ท่านเป็นคนพิเศษที่เจอกันเมื่อไรจะพบกับรอยยิ้มของท่านเสมอ และที่สำคัญคือ ที่หน้าอกของท่านจะมีบัตรประจำตัวของท่านเป็นสีเหลืองตัวหนังสือเป็นสีดำ (เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มี Printer สี) ระบุว่าท่านชื่ออะไร  ก็เลยเป็นตัวอย่างทำให้ผมจะต้องมีบัตรประจำตัวและติดหน้าอกเหมือนกันกับท่าน นั่นเป็นตัวอย่างของผู้นำที่ดีที่ “เมื่อเป็นผู้นำ จะต้องทำให้ดู” และผู้ตามที่ดีจะต้อง “ดูผู้นำ แล้วทำตามในสิ่งที่ดี”
            ผมทำงานอยู่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๕ คิดว่าทำงานใช้ทุน ๔ ปี แล้วคงจะพอ เพราะมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีไม่มีอะไรเลยในขณะนั้น  แต่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๗ ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ได้อนุมัติให้ไปศึกษาดูงาน (พร้อมกับอาจารย์วุฒิณัฐ พรรักษมณี) ที่ The University of Akron, USA เป็นเวลาประมาณ ๑  เดือน และช่วงนี้แหละครับที่เป็นตอนสำคัญที่ผมและท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ได้มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ แต่ท่านก็ได้เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผมที่จะต้องมีการตัดสินใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่ออนาคต ขณะที่ศึกษาดูงานที่  The University of Akron, USA ท่านรศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ได้แวะไปเยี่ยมและไปพักด้วยเป็นเวลา ๒-๓ วัน ผมโชคดีที่มีโอกาสได้ซักเสื้อผ้าให้ท่าน (ถึงแม้ว่าจะใช้เครื่องซักผ้า) ท่านบอกผมว่าให้อยู่ที่อเมริกาต่ออีกจะหาทุนเรียนต่อให้ โดยการเป็นอาจารย์จะต้องศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ผมเองคิดในใจว่า “ไม่เอาอีกแล้วการเรียนหนังสือ” แต่ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ก็ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญที่ว่า “ความเจริญก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนจะต้องช่วยเหลือกันในทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ และอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพื่อไปพัฒนาให้กับนักศึกษา มหาวิทยาลัยและประเทศชาติ”
            และเมื่อกลับมาจากการศึกษาดู ที่ University of Akron, USA ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ผมได้รับความกรุณาจากท่านอีกอย่างเพิ่มเติม คือ  ผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโครงการจัดตั้งสำนักคอมพิวเตอร์และเครือข่าย” โดยโครงการดังกล่าวมีท่าน รศ.ดร.เครือวัลย์ โสภาสรรค์ เป็นประธานฯ  และท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ก็บอกว่าให้พยายามเรียนต่อ ส่วนเรื่องทุนนั้นมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะได้สนับสนุนต่อไป และในเวลาต่อมาผมก็ได้รับอนุญาตให้ไปสอบทุนโครงการพัฒนาอาจารย์ของทบวงมหาวิทยาลัยอีกครั้ง จนวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๙ ก็ได้รับอนุมัติจาก รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ไปศึกษาระดับปริญญาเอก นับได้ว่า ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี เป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้นำที่ใส่ใจในรายละเอียดของลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าผมจะเป็นส่วนหนึ่งที่เล็กๆ ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีก็ตาม แต่สิ่งที่ผมได้รับจากท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี คือ “ความรักที่ยิ่งใหญ่” ที่ท่านมีให้  ความรักที่ว่า คือ “ความรักที่ท่านมีต่ออาจารย์ทุกๆ คนของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีด้วยความเท่าเทียมกัน”  และท่านสอนให้เราคิดได้ว่า “ความเจริญก้าวหน้า จะต้องไขว่คว้าด้วยการศึกษา”
            ถึงแม้ว่า ผมจะได้ใช้ชีวิตการทำงานอยู่กับท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี เพียงเล็กน้อย คือ พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๙ เป็นเวลาที่สั้นๆ ในฐานะที่ท่านเป็นอธิการบดี ผมเป็นเพียงอาจารย์ตัวเล็กๆ แต่ผมก็ดีใจภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้รับความกรุณาจากท่านในเรื่องการส่งเสริมความรู้ส่งเสริมให้มีการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น นับได้ว่าท่านเป็นบุคคลที่มีคุณูปการต่อผมอย่างมากล้น จนไม่รู้ว่าจะบรรยายและทดแทนบุญคุณของท่านได้อย่างไร ได้แต่เพียงบอกตัวเองว่า “เราจะต้องพัฒนามหาวิทยาลัยแห่งนี้ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีให้มีความเจริญก้าวหน้าที่สุดเท่าที่ความรู้ความสามารถของเราที่มีอยู่ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ที่ได้เคยทำไว้พัฒนามหาวิทยาลัยแห่งนี้ไว้”  ความดีของท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี  ผมรับรองได้ว่าทุกท่านทราบกันดีอย่างทั่วกัน ท่านได้สร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ปกครอง นักศึกษา บัณฑิต ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ความดีนี้จะตราตรึงตราบนานเท่านานให้ลูกหลานกล่าวขานตลอดไป
            "รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี    ยอดคนดีของ ม.อุบลฯ"

            ม.อุบลฯ ต่างนับถือ           ต่างเลื่องลือความดีงาม
            มาพร้อมกล่าวขานนาม     อธิการ “สมจิตต์ ยอดเศรณี”                       
                                                                        มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์ (อจต.)
                                                                        ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ 

                                                   รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี  ได้เดินทางไปเยี่ยมที่ 
                                                   The University of Akron,  USA พ.ศ.๒๕๓๗