ในการทำงานใดๆ ก็ตามแต่ปัจจัยเรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าการทำงานใดๆ นั้นจะสำเร็จตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ เวลาสิ่งที่ถูกสมมติขึ้นมาว่าให้มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด และเมื่อเรานำช่วงที่แตกต่างช่วงที่ห่างระหว่างจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดในการทำงานเราก็จะทราบว่าเราใช้เวลาไปเป็นจำนวนเท่าไร เวลาเป็นสิ่งที่ทำให้เราจะต้องทำในสิ่งต่างๆ เช่น การกำหนดเวลาตื่นนอน การกำหนดเวลาเข้านอน การกำหนดเวลาเข้าเรียนในรายวิชาต่างๆ เป็นต้น ซึ่งการกำหนดเวลาดังกล่าวนั้นเป็นการกำหนดในแต่ละวัน แต่ถ้าหากเรากำหนดช่วงที่ยาวมากยิ่งขึ้น ก็จะกลายเป็นเวลาช่วงสัปดาห์ ช่วงเวลาเป็นเดือน ช่วงเวลาเป็นไตรมาส ช่วงเวลาเป็นปี ช่วงเวลาเป็นทศวรรษ ช่วงเวลาเป็นศัตวรรษ หรือมากกว่ากว่าก็แล้วแต่การกำหนดสมมติขึ้นมา
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับเวลานั้น ก็มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการไม่ถึงเวลาที่กำหนด เราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย และถ้าหากกระทำลงไปก็จะเป็นการผิดกติกา ผิดกฎที่มีการตั้งไว้ ตัวอย่างเช่น การแข่งขันวิ่งระยะต่างๆ ที่กรรมการผู้ตัดสินจะกำหนดให้เตรียมพร้อมเพื่อออกตัว ซึ่งจะมีการกำหนดให้ออกวิ่งพร้อมๆ กัน ถ้าหากนักกีฬาคนใดออกตัวก่อนก็จะเป็นผู้กระทำผิดกติกาและจะต้องถูกลงโทษตามที่กำหนดไว้ นอกจากการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ที่กำหนดผลแพ้ชนะเกี่ยวกับการใช้เวลาแล้ว ยังมีอีกหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการไม่ถึงเวลาที่กำหนด เราลงมือกระทำหรือปฏิบัติก่อน จะเป็นการที่ไม่สมควรและไม่เหมาะสม
จากที่ยกตัวอย่างที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะที่ควรแล้ว การกระทำของเราไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นธรรมชาติ กติกา ประเพณี ธรรมเนียมปฏิบัติที่ได้กำหนดไว้แล้ว ซึ่งถ้าหากเราลงมือกระทำไปก่อนก็อาจจะเกิดความเสียหายเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย และที่สำคัญ คือ งานบางอย่าง หน้าที่บางอย่าง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เวลามาเกี่ยวข้อง เวลาดังกล่าว มักจะถูกเรียกว่า ประสบการณ์ นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ เราจะเห็นว่างานหลายๆ อย่างหลายประเภทจำเป็นจะต้องใช้ผู้มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งเราจะเรียกว่า ไม่ถึงเวลาก็ไม่ควรจะเป็น
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราอาจจะต้องการอยากได้อยากมีอยากเป็นก่อนเวลาอันควรและก่อนเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เราเกิดความทุกข์เกิดกิเลสเกิดความอยากอันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย เวลาที่เราไม่ได้ในสิ่งดังกล่าวแล้ว ย่อมทำให้เรามีความรู้สึกว่าเราต้องทำให้ได้ เราต้องมีให้ได้ เราต้องเป็นให้ได้ แต่ท่านเชื่อหรือไม่ว่า การอยากได้ อยากเป็น อยากมี ก่อนเวลาที่ควรจะเป็นนั้น ล้วนทำให้เกิดความไม่เหมาะสมตามมาเช่นกัน ดังตัวอย่างเช่น เด็กชั้นประถมมีความต้องการได้จะได้ใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ทันสมัย เด็กมหาวิทยาลัยต้องการจะมีครอบครัวต้องการจะมีคู่ครองก่อนเวลาอันควร อาจารย์มหาวิทยาลัยที่พึ่งสำเร็จการศึกษามาใหม่ต้องการเป็นผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย เป็นต้น
ดังนั้น การจะได้ จะมี จะเป็น เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเราหรือคุณสมบัติของตัวเรา ก็อาจจะทำให้การได้ การมี การเป็น ในเรื่องใดๆ นั้นก็ย่อมไม่เหมาะสมไม่ถูกต้องไปด้วย ด้วยเหตุนี้ ตัวเราเองก็ควรจะต้องประเมินตัวเองว่าเวลาขณะนั้นเราสถานภาพอย่างไร มีคุณสมบัติอย่างไร เพียงพอที่จะได้ จะมี จะเป็น หรือไม่ ซึ่งถ้าหากเป็นเวลาที่เหมาะสมตัวเราแล้ว การได้ การมี การเป็น ก็จะเหมาะสมไปด้วยมนูญ ศรีวิรัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น