เมื่อหลวงปู่คำคนิงเดินธุดงค์ผ่านเข้าเขตเชียงตุงในเขตป่าใหญ่เทือกเขาแห่งหนึ่งเป็นภูเขาคิน มีอุโมงค์พอที่จะเป็นที่พักพิง หลวงปู่ท่านจึงคิดในใจว่าจะเอาที่ตรงนี้เป็นที่ตายโดยจะไม่ให้ใครเห็นแม้แต่ซากศพของท่านเอง หลวงปู่ท่านได้อยู่มาถึงหนึ่งพรรษา หลังจากผ่านไปประมาณเดือนห้าหรือเดือนหก หลวงพ่อปานวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้พาคณะธุดงค์ผ่านมาในเขตเชียงตุง มาพบหลวงปู่คำคนิงในป่าลึก
ครั้นเมื่อพบกัน หลวงพ่อปานก็พูดขึ้นว่า
“ เออ...นี้พระหรือคน ”
หลวงปู่คำคนิงได้ยิน ก็เกิดโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้นว่า
“ ได้พระนะมันอยู่ที่ไหน เฮ้ย...พระมันอยู่ที่ไหนวะ ”
หลวงพ่อปานท่านก็ย้อนตอบว่า
“ อ้าว...ก็เห็นผมยาว ผ้าก็อีหรุปุปะสีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครเขาจะรู้ว่าพระหรือคน ”
หลวงปู่คำคนิงท่านก็ถามหลวงพ่อปานว่า
“ พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ” หลวงพ่อปานตอบว่า ไม่ใช่
หลวงปู่คำคนิงท่านก็ถามหลวงพ่อว่า
“ พระมันอยู่ที่ผ้าเหลืองหรือวะ ” หลวงพ่อปานตอบว่า ไม่ใช่
หลวงปู่คำคนิงก็ถามอีกว่า
“ แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า ”
หลวงพ่อปานก็ตอบว่า
“ พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาดนะซี ”
หลวงปู่คำคนิงท่านก็เลยหันมาตะคอกเข้าใส่เอาว่า
“ ถ้าอย่างนั้นก็เสือกถามทำไมล่ะวะพระหรือคน ”
หลวงพ่อปานท่านก็เลยตอกกลับให้ว่า
“ เห็นผมเผ้ายาวรุงรังอย่างนั้นนี่ใครจะไปรู้เล่า ”
หลวงปู่คำคนิงก็ยังไม่หายโมโห เลยกระแทกให้ว่า
“ ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้ว เสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูใจคน ไอ้พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดีมันจะต้องเห็นดีกัน ”
หลวงปู่คำคนิงพูดจบ ท่านเดือดโมโหจัดก็เลยหันไปคว้าเอาหวายอันยาวร่วมวา ขว้างผลุงไปตรงหน้าหลวงพ่อปาน อัศจรรย์เป็นที่สุด ไม้หายไปกลายเป็นงูตัวยาวใหญ่พุ่งฉกเข้าหากลุ่มพระธุดงค์หลวงพ่อปานแตกฮือหลบฉากไปแอบอยู่ข้างหลังพ่อปานกันหมด ต่างก็แปลกใจไปตาม ๆ กันไม้ไหงกลายเป็นงู
อัศจรรย์มาก ใบไม้ของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นนกตัวใหญ่โฉบเอางูของหลวงปู่คำคนิงหายไปทั้งงูแลนกใหญ่ พองูตกลงมาถึงพื้นดินงูนั้นก็กลายเป็นช้างใหญ่ ส่วนของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นเสือต่อสู้กันต่างฝ่ายต่างก็บันดาลให้เป็นสัตว์ร้าย ต่อสู้กันเต็มไปหมด ยังไม่มีใครแพ้ ชนะ ต่างคนต่างบันดาลลมพายุฝนเข้ากระหน่ำกันจนทำให้ฝุ่นตลบไปหมดในบริเวณนั้น เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน ก็หามีใครแพ้ชนะไม่ จนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยอ่อน ทำอะไรกันไม่ได้
ในที่สุดหลวงปู่คำคนิงและหลวงพ่อปานต่างก็นั่งลงหัวเราะกันด้วยความขบขัน หลังจากนั้นหลวงปู่คำคนิงก็บอกคณะธุดงค์ของพ่อปานว่าข้าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน พระธุดงค์ลูกศิษย์หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบหลวงพ่อคำคนิง ท่านก็เอามือลูบศรีษะพระทุกองค์ด้วยความเมตตา หลวงพ่อปานก็บอกกับหลวงปู่คำคนิง ว่าพระพวกนี้เขาอยากเห็นของจริงก็เลยพาเขามาให้เห็นเสีย พระพวกนี้เขาก็เป็นคนจริงเสียด้วย
หลวงปู่คำคนิงก็เลยบอกว่า ข้าน่ะไม่ได้เก่งอะไรหรอก อาจารย์แกเขาเก่งอยู่แล้ว เมื่อพูดจบหลวงพ่อปานก็บอกว่าตัวท่านเองไม่เก่งหรอกสู้หลวงปู่คำคนิงไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ให้ใครเป็นอาจารย์กันผลสุดท้ายตกลงเป็นเพื่อนกันในระหว่างพักแรมด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างโต้ตอบถามธรรมะแก่กันทั้งฝ่ายถามฝ่ายแก้ก็หาได้แพ้ชนะกันไม่ สลับถามตอบกันไปกันมา จนต่างฝ่ายเลิกถามกันไปเอง หลวงพ่อปานและคณะธุดงค์ได้พักอยู่กับหลวงปู่คำคนิงหลายวันพอสมควร จึงได้แยกย้ายจากกัน
อ้างอิง
หมายเหตุ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค คือ พระอาจาย์ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย เล่าเรื่อง “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”)
จากข้อมูลข้างต้น ย่อมทำให้ทราบว่า พระเกจิอาจารย์ทั้งสองท่านนั้น เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ศึกษาธรรมะเพื่อค้นหาทางหลุดพ้นอย่างแท้จริง
ดังนั้น ผู้อ่านสามารถอ่านประวัติพระอาจารย์ทั้งสองท่านได้ที่ "ประวัติหลวงพ่อปาน" และ "ประวัติหลวงปู่คำคะนิง " ตามลำดับ
พระอาจารย์ทั้งสอง สร้างครรลองปฏิบัติดี
ธรรมะนำชีวี สร้างวิถีหลุดพ้นภัย
ท่านแสดงเดชฤทธิ์ เป็นเพื่อนมิตรที่ยิ่งใหญ่
ธรรมะมีน้ำใจ สร้างเหลือไว้เพื่อรุ่นหลัง
เกจิศึกษาธรรม พระพุทธนำเกิดพลัง
ทำดีเป็นที่ตั้ง เกราะกำบังเรื่องไม่ดี
พวกเราต้องทำตาม เรื่องงดงามในเรื่องดี
สองท่านพระที่ดี สอนทำดีมีสุขเอย
มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์
๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น