ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ดู่ เล่าเรื่อง พระบรมสารีริกธาตุ" สำหรับเรื่องพระบรมสารีริกธาตุ เชื่อว่าพุทธศาสนิกชนคนไทยทุกท่านจะต้องเคยไปกราบไหว้สักการะบูชาอย่างแน่อน ซึ่งหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ได้เมตตาเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ ดังต่อไปนี้
หลวงปู่จึงถามท่านว่า อาจารย์เคยไปพระปฐมเจดีย์แล้วเห็นพระธาตุเสด็จหรือเปล่า ท่านก็บอกว่า อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย คือ สมัยที่เป็นเสือป่าตามเสด็จรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระบรมโอรสาธิราช ในคืนนั้น พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ได้เสด็จออกจากพระปฐมเจดีย์ ระยะหนึ่งแล้วก็กลับมาโดยมีรัศมีสีเขียวเป็นลูกกลมเท่าผลส้มเกลี้ยง ซึ่งในการเห็นครั้งนี้ รัชกาลที่ ๖ พร้อมทั้งข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็เห็นโดยทั่วกัน
พระองค์จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาไปถึงพระราชบิดา หรือพระพุทธเจ้าหลวง โดยทรงอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า "อาจจะเกิดจากสารเรืองแสง แต่ทรงมีข้อสงสัยว่า น่าจะต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ฝนตก แต่การเสด็จของพระธาตุนั้น เกิดขึ้นในขณะที่ฟ้าโปร่ง" รัชกาลที่ ๕ ได้มีพระราชหัตถเลขาตอบมาว่า "ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนี้ เพราะพระองค์พร้อมทั้งข้าราชบริพารได้เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของ พระพุทธานุภาพคือ เป็นบารมีของพระบรมสารีริกธาตุ นั่นเอง"
หลวงปู่จึงได้บอกว่า "ถ้าพระธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุ เคลื่อนที่ไปได้ก็แปลว่า จะต้องมีพลังงานในการขับเคลื่อน ซึ่งพลังและบารมีนี้ก็แสดงว่าไม่ได้สูญหายไปไหน" หลวงปู่ยังกล่าวอีกว่า "กระดูกคนตายหลายร้อยหลายพันราย เห็นทิ้งกันให้เกลื่อนกลาดดาษดื่น ถ้าภูตพระพุทธเจ้าหมดไปแล้ว พระบรมธาตุจะเสด็จไปได้อย่างไร" อาจารย์เฮงเลยนั่งเงียบ ไม่สามารถจะหาข้อมาโต้แย้งกับท่านได้ เพราะการที่พระธาตุเสด็จ ก็เสด็จไปด้วยอำนาจของภูตเหล่านี้
(ที่มา http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=13.0)
หลวงปู่จึงถามท่านว่า อาจารย์เคยไปพระปฐมเจดีย์แล้วเห็นพระธาตุเสด็จหรือเปล่า ท่านก็บอกว่า อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย คือ สมัยที่เป็นเสือป่าตามเสด็จรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระบรมโอรสาธิราช ในคืนนั้น พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ได้เสด็จออกจากพระปฐมเจดีย์ ระยะหนึ่งแล้วก็กลับมาโดยมีรัศมีสีเขียวเป็นลูกกลมเท่าผลส้มเกลี้ยง ซึ่งในการเห็นครั้งนี้ รัชกาลที่ ๖ พร้อมทั้งข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็เห็นโดยทั่วกัน
พระองค์จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาไปถึงพระราชบิดา หรือพระพุทธเจ้าหลวง โดยทรงอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า "อาจจะเกิดจากสารเรืองแสง แต่ทรงมีข้อสงสัยว่า น่าจะต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ฝนตก แต่การเสด็จของพระธาตุนั้น เกิดขึ้นในขณะที่ฟ้าโปร่ง" รัชกาลที่ ๕ ได้มีพระราชหัตถเลขาตอบมาว่า "ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนี้ เพราะพระองค์พร้อมทั้งข้าราชบริพารได้เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของ พระพุทธานุภาพคือ เป็นบารมีของพระบรมสารีริกธาตุ นั่นเอง"
หลวงปู่จึงได้บอกว่า "ถ้าพระธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุ เคลื่อนที่ไปได้ก็แปลว่า จะต้องมีพลังงานในการขับเคลื่อน ซึ่งพลังและบารมีนี้ก็แสดงว่าไม่ได้สูญหายไปไหน" หลวงปู่ยังกล่าวอีกว่า "กระดูกคนตายหลายร้อยหลายพันราย เห็นทิ้งกันให้เกลื่อนกลาดดาษดื่น ถ้าภูตพระพุทธเจ้าหมดไปแล้ว พระบรมธาตุจะเสด็จไปได้อย่างไร" อาจารย์เฮงเลยนั่งเงียบ ไม่สามารถจะหาข้อมาโต้แย้งกับท่านได้ เพราะการที่พระธาตุเสด็จ ก็เสด็จไปด้วยอำนาจของภูตเหล่านี้
(ที่มา http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=13.0)
ซึ่งเรื่อง พระเขี้ยวแก้ว ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเสด็จประพาสลังกาทวีป พ.ศ. ๒๔๔๐ สามารถดูเพิ่มเติมที่ https://th.wikisource.org/wiki/พระเขี้ยวแก้ว
ทั้งนี้สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดสันติธรรม เป็นสถานที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่อยากจะเชิญชวนทุกท่านหาโอกาสไปชมสิ่งที่ทรงคุณค่า (ดูข้อมูลประกอบเพิ่มได้ที่ ๑, ๒)
และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกลอน ๘ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นดังนี้
พระบรมสารีริกธาตุ ย่อมสามารถมากฤทธิ์คิดทำดี
ไหว้พระธาตุมากบุญหนุนได้ดี นำชีวีมีสุขทุกข์ไม่เป็น
บารมีพระพุทธานุภาพ ของพระธาตุมากยิ่งจริงอย่างเห็น
พลังงานสานธรรมทุกเช้าเย็น จิตบำเพ็ญเย็นใจให้ได้ดี
บารมีดีมากไม่สูญหาย แม้ว่าตายกายสูญจากโลกนี้
พลังงานผ่านภพครบชีวี รัศมีสีเขียวเที่ยวท่องนำ
กราบพระธาตุสามารถมากมีบุญ คงเกื้อกูลหนุนจิตคิดในธรรม
ก้มกราบไหว้ใจสุขจิตน้อมนำ เป็นประจำทำดีมีสุขเอย
ปภาวีร์
และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกลอน ๘ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นดังนี้
พระบรมสารีริกธาตุ ย่อมสามารถมากฤทธิ์คิดทำดี
ไหว้พระธาตุมากบุญหนุนได้ดี นำชีวีมีสุขทุกข์ไม่เป็น
บารมีพระพุทธานุภาพ ของพระธาตุมากยิ่งจริงอย่างเห็น
พลังงานสานธรรมทุกเช้าเย็น จิตบำเพ็ญเย็นใจให้ได้ดี
บารมีดีมากไม่สูญหาย แม้ว่าตายกายสูญจากโลกนี้
พลังงานผ่านภพครบชีวี รัศมีสีเขียวเที่ยวท่องนำ
กราบพระธาตุสามารถมากมีบุญ คงเกื้อกูลหนุนจิตคิดในธรรม
ก้มกราบไหว้ใจสุขจิตน้อมนำ เป็นประจำทำดีมีสุขเอย
ปภาวีร์
๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น