ที่มาของภาพ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8774
พระราชปุจฉากับหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ : ขอท่านได้อธิบายเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมดั่งที่ท่านอาจารย์เสาร์สอนมา
หลวงพ่อพุธ : โดยหลักการที่ท่านอาจารย์เสาร์ได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหามานั้น ยึดหลักการบริกรรมภาวนาพุทโธ และอานาปานสติ เป็นหลักปฏิบัติ การบริกรรมภาวนาให้จิตอยู่ ณ จุดเดียวคือพุทโธ ซึ่งพุทโธแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นกริยาของจิตเมื่อจิตมาจดจ้องอยู่ที่คำว่าพุทโธให้พิจารณาตามองค์ฌาน ๕
การนึกถึงพุทโธเรียกว่า วิตก จิตอยู่กับพุทโธไม่พรากจากไปเรียกว่า วิจาร หลังจากนี้ปิติและความสุขก็เกิดขึ้น เมื่อปิติและความสุขเกิดขึ้นแล้ว จิตของผู้ภาวนาย่อมดำเนินไปสู่ความสงบ นิ่งสว่าง ไม่มีกิริยาอาการแสดงความรู้ ในขั้นนี้เรียกว่า จิตอยู่ในสมถะ
ถ้าจะเรียกโดยจิตก็เรียกว่าอัปปนาจิต ถ้าจะเรียกโดยสมาธิก็เรียกว่าอัปปนาสมาธิ ถ้าจะเรียกโดยฌานก็เรียกอัปปนาฌาน บางท่านนำไปเทียบกับฌานขั้นที่ ๔ จิตในขั้นนี้เรียกว่าอัปปนาจิต อัปปนาสมาธิ อัปปนาฌาน จิตย่อมไม่มีความรู้อะไรเกิดขึ้น นอกจากมีสภาวะรู้อยู่อย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อนักปฏิบัติผู้ที่ยังไม่ได้ระดับจิต เมื่อจิตติดอยู่ในความสงบนิ่งเช่นนี้ จิตย่อมไม่ก้าวขึ้นสู่ภูมิแห่งวิปัสสนา เมื่อเป็นเช่นนั้นอาจารย์เสาร์ผู้เป็นอาจารย์สอนกรรมฐานในสายนี้จึงได้เดินอุบายสอนให้ลูกศิษย์พิจารณากายคตาสติเรียกว่ากายานุปัสสนาสติปัฏฐาน โดยการพิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น โดยน้อมนึกไปในลักษณะความเป็นของปฏิกูลน่าเกลียดเป็นของโสโครกจริงๆ โดยปราศจากสัญญาเจตนาใดๆทั้งสิ้น จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้พิจารณาเห็นอสุภกรรมฐาน
(ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8774)
หมายเหตุ "อาจารย์เสาร์ หมายถึง หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล"
(เกี่ยวกับ หลวงปู่เสาร์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "ปฏิบัติธรรมบูชาคุณ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล")
จากข้อมูลข้างต้นเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งที่พุทธศาสนิกชนคนไทยทุกคนควรจะต้องสนใจน้อมนำทำตามพระราชปุจฉา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ "จิดจดจ้อง"
และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้เมตตาพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อปรับปรุงพัฒนาต่อไปดังนี้
เรื่องของจิตจดจ้อง เป็นครรลองต้องฝึกฝน
ฝึกได้สุขกมล เพื่อหลุดพ้นจากคนไป
ภาวนาพุทโธ ไม่โยกโย้ในจิตใจ
ฝึกตนสนธรรมไว้ ฝึกที่ใจในทุกครา
ทำได้ใจสงบ ธรรมได้พบประสบหา
พระราชปุจฉา สิ่งมีค่าพาเข้าใจ
ฝึกไปใจจะรู้ สิ่งเป็นอยูู่รู้อย่างไร
พุทโธอยู่ในใจ ต่อเนื่องไปให้ชำนาญ
ทุกสิ่งอิงสติ สมาธิจิตประสาน
ภาวนาเพื่อนิพพาน เมื่อสิ้นกาลสานไปดี
จิตคิดสงบนิ่ง เห็นความจริงอิงชีวี
ภาวนาสิ่งดี ธรรมให้ดีมีสุขเอย
ฝึกได้สุขกมล เพื่อหลุดพ้นจากคนไป
ภาวนาพุทโธ ไม่โยกโย้ในจิตใจ
ฝึกตนสนธรรมไว้ ฝึกที่ใจในทุกครา
ทำได้ใจสงบ ธรรมได้พบประสบหา
พระราชปุจฉา สิ่งมีค่าพาเข้าใจ
ฝึกไปใจจะรู้ สิ่งเป็นอยูู่รู้อย่างไร
พุทโธอยู่ในใจ ต่อเนื่องไปให้ชำนาญ
ทุกสิ่งอิงสติ สมาธิจิตประสาน
ภาวนาเพื่อนิพพาน เมื่อสิ้นกาลสานไปดี
จิตคิดสงบนิ่ง เห็นความจริงอิงชีวี
ภาวนาสิ่งดี ธรรมให้ดีมีสุขเอย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น