วันนี้เป็นวันอาทิตย์ (๖ มีนาคม ๒๕๕๔) ตั้งใจว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่อง อ.อ่าง ตอนแรกคิดว่าจะเขียนถึงอุดร (ที่เราคนไทยทราบกับดีว่า เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ เป็นวันที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีพระราชทานเพลง "หลวงตามหาบัว") แต่พอนั่งนึกและอ่านข่าวที่ หลวงปู่จันศรี จันททีโป รองสมเด็จพระราชาคณะ (ซึ่งมีสมณศักดิ์สูงสุดในภาคอีสาน เจ้าอาวาสวันโพธิสมภรณ์ ) ท่านได้เทศนาตอนหนึ่งว่า ขณะที่นอนหลับได้ฝันว่า หลวงตามหาบัวมาลาและห่มผ้ามาเรียบร้อย พอมาถึงก้มกราบและบอกว่า "ผมจะไปล่ะ" อาตมาถามว่า "จะไปไหน" หลวงตามหาบัวตอบว่า "ผมไปไม่กลับ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของผม"
ผมก็เลยคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ๒ อ. คือ อดีต และ อนาคต และจะเขียนอย่างไรดี ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวกับฝันของหลวงปู่จันศรี ข้างต้น (แต่จะพยายามเขียนครับ)
ครับ อดีตคู่กับอนาคต ยากคู่กับง่าย (๑.อดีตกับง่าย ๒. อดีตกับยาก ๓. อนาคตกับง่าย ๔. อนาคตกับยาก ท่านเลือกเอาจะเอาอะไร ให้เลือกได้อย่างหนึ่ง)
มนุษย์เราโดยส่วนมากแล้วย่อมจะมักแต่เรื่องที่ง่ายๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับด้านใดก็ตามแต่ อันไหนที่ยากๆ ก็มักจะหลีกเลี่ยงหรือไม่อยากจะทำไม่อยากจะเผชิญ
เช่นเดียวกันกับเรื่องของอดีตและอนาคตก็ย่อมจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันเสมอ ดั่งเช่นเรื่องของยากกับง่ายที่ตรงกันข้ามกันเสมอ แต่วันนี้ผู้เขียนอยากจะสื่อถึงเรื่องอดีตที่น่าจะคู่กับคำว่ายาก และเรื่องอนาคตน่าจะคู่กับคำว่าง่าย
ที่นี้เป็นอย่างไรกัน อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วเราไม่สามารถที่จะกลับไปเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ มันจึงเป็นเรื่องยาก นอกจากนั้น กว่าเราจะฟันผ่าอุปสรรคต่างๆ ในอดีตได้มานั้นนับว่ามีความลำบากยากเข็ญเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เด็กเล็กกว่าจะโตเข้าเรียนประถมมัธยม (อ่านหนังสือสอบ วิ่งกวดวิชา พ่อแม่ลำบากไปด้วย) เติบใหญ่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย (หากท่านใดโชคดีมีเงินทอง ท่านใดไม่มีเงินทองและไม่มีโชค ก็ไม่เป็นไร ถือเสียว่าเป็นโชคชะตาชีวิตลิขิตมาแล้ว) เมื่อจบก็วิ่งเต้นสอบเข้าทำงาน ปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้มีตำแหน่งที่ใหญ่โต มีอาขีพที่มั่นคงก้าวหน้า นับว่าเหนื่อยครับท่าน จะเห็นว่าเรื่องราวในอดีตของเราทุกท่านนั้น มีความยากง่ายแตกต่างกันไป อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งของอดีต คือ เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อวันผ่านไปแล้วย่อมให้มันผ่าน สิ่งใดที่เราเคยทำผิดเคยผิดพลาดก็คอยเฝ้าแต่ใช้สติและปัญญาไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเพียงเท่านั้น ดังนั้น อ.อดีต ของท่านใดที่ผ่านมามีความสุข เรานั่งคิดถึงก็อยากจะให้หวนกลับมาอีก และอดีตของท่านใดที่มีแต่ความทุกข์ก็ย่อมไม่อยากที่จะคิดไม่อยากจะได้ยินได้ฟังได้เห็นภาพอีก ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนก็เลยสรุปว่า เรื่องของอดีตเป็นเรื่องที่คู่กับยาก
ส่วนอนาคตแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราสามารถที่กำหนดหรือตั้งเป้าที่จะไปหรือจะทำได้ และถ้าหากยิ่งมีความตั้งใจจริง หากเราตั้งใจบริหารจัดการ คือ การกำหนดเป้าหมาย และจัดการให้เดินไปจนถึงเป้าหมาย โดยใช้สิ่งที่มีอยู่ ทั้งคน ทั้ง งบประมาณ ประสบการณ์ ทักษะความรู้ สติและปัญญาของเรา แน่นอนครับเราจะได้พบกับอนาคตที่เราได้กำหนดเป้าหมายเอาไว้ เหมือนดั่งท่านหลวงตามหาบัวที่ท่านได้สะสมความดี ประกอบคุณงามความดีอย่างที่เราทุกคนได้ประจักษ์กันอย่างทั่วหน้า เป้าหมายของท่านที่ได้มอบไว้ให้แผ่นดินไทยมีคุณเอนกอนันต์ที่คนไทยควรจะเอาแบบอย่าง หลวงตามหาบัวท่านได้กำหนดอนาคตโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ดั่งท่านหลวงปู่จันศรีได้ฝ้น ดังนั้น ผู้เขียนคิดว่าเรื่องของอนาคตเป็นเรื่องที่ง่าย หากว่าเราได้ตั้งใจตั้งเป้าหมายด้วยสติและปัญญาและที่สำคัญจะต้องมั่นเพียรยึดมั่นที่จะไปให้ถึงให้ได้
ดังนั้น ลองนึกถึงคำสอนของหลวงตามหาบัวที่ว่า "เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสาร เพราะหลังจากนี้แล้ว เราตายแล้ว เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล" ให้มากๆ กันนะครับ
มนูญ ศรีวิรัตน์
หากมองหาอดีตย่อมจะยาก
แต่หากมองหาอนาคตย่อมจะง่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น