Nuffnang Ads

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

STEM Education


หลายๆ ท่านคงอาจจะเคยได้ยินได้รู้จักเกี่ยวกับ STEM Education มาบ้าง ทั้งนี้  STEM Education คือการสอนแบบบูรณาการข้าม กลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) ระหว่าง ศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics: M) โดยนำจุดเด่นของธรรมชาติ ตลอดจนวิธีการสอนของแต่ละสาขาวิชามาผสมผสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้ผู้เรียนนําความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา การค้นคว้า และการพัฒนาสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน
  (ผู้อ่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Link ต่อไปนี้ นะครับ  http://www.se-edlearning.com/wp-content/uploads/2013/11/stem.education.in_.21thcentury.pdf )

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เขียนจะนำเสนอต่อไปนี้นั้น อาจจะเป็น STEM Education อีกรูปแบบหนึ่งที่วงการศึกษาอาจจะลองพิจารณานำไปใช้  โดยที่

S =  Social สังคม

T =  Thai ความเป็นไทย

E =  Environment  สิ่งแวดล้อม

M = Mental จิตใจ
            ซึ่งหมายความว่า การศึกษาของไทยจากที่เป็น STEM Education แบบ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics: M) แล้ว ก็ควรจะกลับมามองถึงแบบที่เป็น สังคม (Social :S) ความเป็นไทย (Thai : T) สิ่งแวดล้อม (Environment :E) และ จิตใจ (Mental :M)  อันหมายถึง “การศึกษาที่เน้นการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมด้วยความเป็นไทยใส่ใจ (จิตใจ) สิ่งแวดล้อม”

            โดยที่การศึกษาจะต้องให้ความสำคัญของการดำรงคงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่ยั่งยืนทำอย่างไรที่จะให้คนไทยประเทศไทยของเราเป็น “สังคมความเป็นไทย” อย่างแท้จริง ซึ่งอาจจะต้องเน้นหนักในเรื่องของหลักพุทธธรรมคำสอนให้ลึกซึ้งของเด็กนักเรียนตั้งแต่ปฐมวัยจนไปสู่ระดับที่สูงขึ้นตามลำดับ คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา เป็นต้น ทั้งนี้ จะต้องมีจิตใจที่รักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ให้ความสนใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้านอย่างสมดุล 


           ครับ กล่าวสำหรับ “สังคม (Social :S)  หากว่าการศึกษาทำให้เกิดการเรียนรู้ความเข้าใจการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขย่อมจะทำให้เกิดประเทศไทยของเราน่าอยู่ยิ่งๆ ขึ้น  และเช่นเดียวกันกับ ความเป็นไทย (Thai : T) ซึ่งเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส แก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๗  ณ วังไกลกังวล หัวหิน ความตอนหนึ่งที่ว่า ข้อสำคัญ จะคิดจะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวม และความเป็นไทยไว้เสมอ  งานของตน และงานของชาติ  จักได้ดำเนินก้าวหน้าไป โดยถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่ติดขัด และบรรลุถึงประโยชน์  เป็นความสุข  ความเจริญ และความสงบร่มเย็น  ดังที่ทุกคนตั้งใจปรารถนา
            และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (Environment :E) นับวันจะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่กระทบการดำรงชีพของคนเราในทางที่ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอากาศ น้ำ ป่า หรือ อื่นๆ ที่เป็นสิ่งแวดล้อมกระทบต่อตัวเรา คนไทยก็ควรจะต้องอย่างยิ่งตระหนักให้ความสำคัญในการศึกษาเรียนรู้ว่าทำอย่างไรที่จะให้สิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ ของเราน่าอยู่มีความสมดุลตามหลักธรรมชาติ ซึ่งเมื่อเราทำได้แล้วย่อมจะเกิดผลดีต่อจิตใจ (Mental :M)  และหากว่าจิตใจของเราดีย่อมจะดีในทุกๆ ด้านตามมาในที่สุด
            ครับ สุดท้ายนี้ หากว่าเรานำ STEM education ทั้ง ๒ แบบมาบูรณาการในการเรียนการสอนในการศึกษาทุกระดับ ผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน
มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์
๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น