ผมได้เห็นชื่อท่าน
รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งตอนนั้นผมเป็นนักเรียนทุนโครงการพัฒนาอาจารย์ของวิทยาลัยอุบลราชธานี
สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขณะที่กำลังศึกษาระดับปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่เคยเห็นหน้าตาท่านว่าเป็นคนอย่างไร แต่ในใจคิดว่าก็คงจะใจดีเพราะถ้าไม่อย่างนั้น
วิทยาลัยอุบลราชธานีคงจะไม่พิจารณารับผมเป็นนักเรียนทุน
เมื่อผมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ก็เลือกวันที่จะมาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี
โดยเลือกวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๕ (ทั้งนี้
เนื่องจากเมืองอุบลราชธานีได้ถูกสถาปนาเป็น “เมืองอุบลราชธานีศรีวนาไล ประเทศราช” เมื่อวันที่
๑๖ กรกฎาคม ๒๓๓๕) เพื่อจะได้ให้ตัวเองจำอะไรที่ง่ายๆ
เมื่อกลับมารับใช้ทุนที่อุบลราชธานีเมื่อวันที่
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๕ วิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยมีท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี
ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งคิดว่าเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่อาจารย์ได้เห็นได้พบกับท่านอธิการบดีทุกๆ
วัน เพราะอาคารอเนกประสงค์
(คณะบริหารศาสตร์ในปัจจุบัน) เป็นทั้งอาคารสำนักงานอธิการบดี คณะวิทยาศาสตร์
คณะเกษตรศาสตร์ โครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ ห้องเรียน และโรงอาหาร และอื่นๆ ผมเองก็คงคนหนึ่งที่โชคดีที่ได้พบกับท่านรศ.ดร.สมจิตต์
ยอดเศรณี อธิการบดี เกือบทุกวัน (ยกเว้นที่ท่านไปราชการ และหรือผมไม่ไปราชการ) ท่านเป็นคนพิเศษที่เจอกันเมื่อไรจะพบกับรอยยิ้มของท่านเสมอ
และที่สำคัญคือ
ที่หน้าอกของท่านจะมีบัตรประจำตัวของท่านเป็นสีเหลืองตัวหนังสือเป็นสีดำ (เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มี
Printer สี) ระบุว่าท่านชื่ออะไร ก็เลยเป็นตัวอย่างทำให้ผมจะต้องมีบัตรประจำตัวและติดหน้าอกเหมือนกันกับท่าน
นั่นเป็นตัวอย่างของผู้นำที่ดีที่ “เมื่อเป็นผู้นำ จะต้องทำให้ดู”
และผู้ตามที่ดีจะต้อง “ดูผู้นำ แล้วทำตามในสิ่งที่ดี”
ผมทำงานอยู่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี
พ.ศ.๒๕๓๕ คิดว่าทำงานใช้ทุน ๔ ปี แล้วคงจะพอ
เพราะมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีไม่มีอะไรเลยในขณะนั้น แต่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๗ ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์
ยอดเศรณี อธิการบดี ได้อนุมัติให้ไปศึกษาดูงาน (พร้อมกับอาจารย์วุฒิณัฐ พรรักษมณี)
ที่ The University of Akron, USA เป็นเวลาประมาณ ๑ เดือน และช่วงนี้แหละครับที่เป็นตอนสำคัญที่ผมและท่าน
รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ได้มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ
แต่ท่านก็ได้เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผมที่จะต้องมีการตัดสินใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่ออนาคต
ขณะที่ศึกษาดูงานที่ The University
of Akron, USA ท่านรศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี
ได้แวะไปเยี่ยมและไปพักด้วยเป็นเวลา ๒-๓ วัน ผมโชคดีที่มีโอกาสได้ซักเสื้อผ้าให้ท่าน
(ถึงแม้ว่าจะใช้เครื่องซักผ้า) ท่านบอกผมว่าให้อยู่ที่อเมริกาต่ออีกจะหาทุนเรียนต่อให้
โดยการเป็นอาจารย์จะต้องศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ผมเองคิดในใจว่า
“ไม่เอาอีกแล้วการเรียนหนังสือ” แต่ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี
ก็ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญที่ว่า “ความเจริญก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนจะต้องช่วยเหลือกันในทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่
และอาจารย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพื่อไปพัฒนาให้กับนักศึกษา
มหาวิทยาลัยและประเทศชาติ”
และเมื่อกลับมาจากการศึกษาดู
ที่ University of Akron, USA ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี
อธิการบดี ผมได้รับความกรุณาจากท่านอีกอย่างเพิ่มเติม คือ ผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโครงการจัดตั้งสำนักคอมพิวเตอร์และเครือข่าย” โดยโครงการดังกล่าวมีท่าน รศ.ดร.เครือวัลย์ โสภาสรรค์ เป็นประธานฯ และท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ก็บอกว่าให้พยายามเรียนต่อ ส่วนเรื่องทุนนั้นมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะได้สนับสนุนต่อไป
และในเวลาต่อมาผมก็ได้รับอนุญาตให้ไปสอบทุนโครงการพัฒนาอาจารย์ของทบวงมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
จนวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๙ ก็ได้รับอนุมัติจาก รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี
ไปศึกษาระดับปริญญาเอก นับได้ว่า ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี
เป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้นำที่ใส่ใจในรายละเอียดของลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดีเยี่ยม
ถึงแม้ว่าผมจะเป็นส่วนหนึ่งที่เล็กๆ ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีก็ตาม
แต่สิ่งที่ผมได้รับจากท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี คือ
“ความรักที่ยิ่งใหญ่” ที่ท่านมีให้
ความรักที่ว่า คือ “ความรักที่ท่านมีต่ออาจารย์ทุกๆ
คนของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีด้วยความเท่าเทียมกัน” และท่านสอนให้เราคิดได้ว่า “ความเจริญก้าวหน้า
จะต้องไขว่คว้าด้วยการศึกษา”
ถึงแม้ว่า
ผมจะได้ใช้ชีวิตการทำงานอยู่กับท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี
เพียงเล็กน้อย คือ พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๙
เป็นเวลาที่สั้นๆ ในฐานะที่ท่านเป็นอธิการบดี ผมเป็นเพียงอาจารย์ตัวเล็กๆ แต่ผมก็ดีใจภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้รับความกรุณาจากท่านในเรื่องการส่งเสริมความรู้ส่งเสริมให้มีการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น
นับได้ว่าท่านเป็นบุคคลที่มีคุณูปการต่อผมอย่างมากล้น จนไม่รู้ว่าจะบรรยายและทดแทนบุญคุณของท่านได้อย่างไร
ได้แต่เพียงบอกตัวเองว่า “เราจะต้องพัฒนามหาวิทยาลัยแห่งนี้
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีให้มีความเจริญก้าวหน้าที่สุดเท่าที่ความรู้ความสามารถของเราที่มีอยู่
เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี
ที่ได้เคยทำไว้พัฒนามหาวิทยาลัยแห่งนี้ไว้”
ความดีของท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี อธิการบดี ผมรับรองได้ว่าทุกท่านทราบกันดีอย่างทั่วกัน
ท่านได้สร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ปกครอง นักศึกษา บัณฑิต
ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ความดีนี้จะตราตรึงตราบนานเท่านานให้ลูกหลานกล่าวขานตลอดไป
"รศ.ดร.สมจิตต์
ยอดเศรณี ยอดคนดีของ ม.อุบลฯ"
ม.อุบลฯ ต่างนับถือ
ต่างเลื่องลือความดีงาม
มาพร้อมกล่าวขานนาม อธิการ “สมจิตต์
ยอดเศรณี”
มณูญพงศ์
ศรีวิรัตน์ (อจต.)
๑๘
กันยายน ๒๕๕๕
The University of Akron, USA พ.ศ.๒๕๓๗