Nuffnang Ads

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "นรกสวรรค์ในพระไตรปิฎก" สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)


"นรกสวรรค์ในพระไตรปิฎก" เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เมื่อครั้งสมณศักดิ์ที่ พระพรหมคุณาภรณ์ หนังสือดีๆ ที่ควรจะหาอ่าน



♡♡♡♡
นรกหรือสวรรค์
อย่างไรกันรู้ให้ดี
นรกย่อมไม่ดี
สวรรค์มีดีแน่นอน

นรกใจร้อนรุ่ม
มีหลายขุมใครไปก่อน
ตายไปได้ทุกตอน
ไม่กลับย้อนมาเป็นคน

ความตายชายหรือหญิง
เป็นความจริงหนีไม่พ้น
นรกทุกข์กมล
ต่างเวียนวนไม่พ้นกรรม

นรกเพราะทำชั่ว
จิตเมามัวเป็นประจำ
ไม่ใฝ่ในพระธรรม
ชั่วกระทำนำต่อไป

สวรรค์เพราะทำบุญ
ทานเกื้อกูลหนุนจิตใจ
สวรรค์อยู่ไม่ไกล
อยู่ในใจเมื่อทำดี

สวรรค์นรกต่างวนเวียน
หมุนปรับเปลี่ยนทุกชีวี
ตัดกรรมได้ยิ่งดี
เย็นฤดีมีนิพพาน

ปภาวีร์ 
๘ ธันวาคม ๒๕๖๐

### เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านไตร่ตรอง 
### 
ในส่วนของชีวิตหลังความตายทุกคนย่อมไม่ทราบว่าจะไปที่ใด

เรื่องของนรกและสวรรค์ต่างๆ นั้น เราอาจจะถูกสอนตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆ ย่อมจะเห็นภาพนรก ย่อมจะเห็นภาพสวรรค์ชั้นต่างๆ ในสถานที่ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามหรือสถานที่จัดแสดงที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องพุทธศาสนา

แน่นอนว่าเรื่องของสวรรค์นรกยังเป็นส่วนที่อยู่ในวัฏสงสาร นั่นคือ เวียนว่ายตายเกิด หากว่าจิตของเราเมื่อตายแล้วยังคิดในเรื่องของสิ่งที่ไม่ดี เรื่องของความชั่ว เรื่องของความทุกข์ร้อนในใจ ก็อาจจะมีผลจากกระทำกล่าวนำไปสู่นรกในภูมิต่างๆ เมื่อใช้กรรมหมดแล้วก็ยอมกลับไปเกิดในชั้นที่สูงกว่าหรือเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเป็นมนุษย์ได้มีโอกาสทำบุญก็อาจจะสามารถสู่ชั้นสวรรค์ชั้นฟ้า เมื่อหมดอายุขัยก็ใช้ชีวิตอยู่บนสวรรค์ตามผลบุญกุศลที่ได้กระทำกันมา หลังจากนั้นเมื่อหมดบุญกุศลในชั้นสวรรค์ดาวดึงส์หรือชั้นต่างๆ ก็ต้องกลับวนเวียน เป็นอย่างนี้เรื่อยไป ที่กล่าวมานั้นก็เป็นส่วนที่ข้อมูลของในหนังสือตำราคำสอนต่างๆ ที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้อ่านได้ฟังได้รู้ได้ค้นคว้ามาบ้างแล้ว

ดังนั้น จะเห็นว่าในเรื่องของนรกสวรรค์ก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่หลุดพ้นเกิดการเวียนว่ายตายเกิด เกิดการดับเกิดการไปสู่ชั้นภูมิต่างๆ ตามผลการกระทำที่ฝังอยู่ในจิตใจของแต่ละคน ฝังในดวงจิตของแต่ละคน บางครั้งอาจจะบอกว่านรกเป็นภาพอย่างนี้ สวรรค์เป็นภาพอย่างนี้ อันนี้ก็อาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของแต่ละคน อาจจะเคยเห็นภาพ อาจจะเคยไป อาจจะเคยสัมผัส อันนี้ก็ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวได้ จะต้องทดลองตายจริงๆ แล้วถึงจะสามารถรู้ด้วยตนเองว่านรกเป็นอย่างไรสวรรค์เป็นอย่างไร

แน่นอนว่าในเรื่องการตายก็คงไม่มีความอยากตาย สำหรับทุกคน ทุกท่านล้วนแต่ไม่อยากตาย ทุกคนล้วนแต่ยังต้องการเป็นมนุษย์ แต่ในที่สุดแล้วเราก็หนีไม่พ้นกันทุกคน เพราะเมื่อตายแล้วก็มี 2 ทางเลือกหรือ 3 ทางเลือกก็แล้วแต่ 
## ทางเลือกที่ 1 เป็นนรก 
## ทางเลือกที่ 2 แล้วกลับมาเป็นมนุษย์ 
## ทางเลือกที่ 3 ก็ขึ้นสู่ชั้นภูมิสวรรค์ที่สูงขึ้น 
ซึ่งก็อาจจะมีสามทางเลือกวนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกเท่าไหร่ ที่จะสลับกับเปลี่ยนไประหว่างโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ โลกนรก == > “ไตรภูมิ”

อย่างไรก็ตาม หากท่านใดไม่ว่าจะอยู่ในบรรพชิต ฆราวาส หรือว่าเพศชายเพศหญิง หรือว่าวัยชราวัยรุ่นก็ตามแต่ หากสามารถกำหนดจิตของตนได้ในการเลือกที่จะไป ไม่วนอยู่ในไตรภูมิอย่างที่กล่าวแล้ว ก็คิดว่าน่าจะเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “การหลุดพ้นเป็นสุขอย่างแท้จริง” นั้นคือ ไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “นิพพานดับแล้วซึ่งทุกข์หมดทั้งสิ้น”

สำหรับนิพพานเป็นหน้าตาอย่างไร อันนี้ก็คงไม่สามารถบอกกล่าวได้ เพราะไม่ทราบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากว่าในจิตใจของเราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมีความรู้สึกว่าไม่ร้อน ไม่เป็นทุกข์ ไม่หมองหม่น ก็เชื่อว่าจิตใจของเราจะไปสู่ในส่วนที่เรียกว่าความสุข สำหรับจิตใจที่ร้อนรุ่มหมองหม่นนั้นก็มีหลายสาเหตุเกิดจากการกระทำของเราเองไม่ว่าจะเกิดจากความโลภ ความหลง ความโกรธในเรื่องต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าความโกรธ ความหลง ความโลก นั้นล้วนแต่เป็นปัจจัยหรือสาเหตุนำมาซึ่งทำให้จิตใจนั้นรุ่มร้อน

เมื่อไม่อยากรุ่มร้อน ไม่อยากเป็นทุกข์ ก็ต้องหาวิธีการพ้นทุกข์นี้จาก ๓ ภูมิ : นรก มนุษย์และสวรรค์ ในที่สุดเมื่อหลุดพ้นจากสามโลก (ภูมิ) ไปแล้วก็เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่วนเวียนกลับมาในวัฏสงสารอีกต่อไป

ปภาวีร์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น