หลายๆ ท่านคงอาจจะเคยได้ยินได้รู้จักเกี่ยวกับ STEM
Education มาบ้าง ทั้งนี้ STEM
Education คือการสอนแบบบูรณาการข้าม กลุ่มสาระวิชา
(Interdisciplinary Integration) ระหว่าง ศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์
(Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์
(Engineer: E) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics: M) โดยนำจุดเด่นของธรรมชาติ ตลอดจนวิธีการสอนของแต่ละสาขาวิชามาผสมผสานกันอย่างลงตัว เพื่อให้ผู้เรียนนําความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา การค้นคว้า และการพัฒนาสิ่งต่างๆ
ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน
(ผู้อ่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Link ต่อไปนี้ นะครับ http://www.se-edlearning.com/wp-content/uploads/2013/11/stem.education.in_.21thcentury.pdf
)
S = Social สังคม
T = Thai ความเป็นไทย
E = Environment สิ่งแวดล้อม
M = Mental จิตใจ
ซึ่งหมายความว่า
การศึกษาของไทยจากที่เป็น STEM Education แบบ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์
(Engineer: E) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics: M) แล้ว ก็ควรจะกลับมามองถึงแบบที่เป็น สังคม (Social :S) ความเป็นไทย (Thai : T) สิ่งแวดล้อม (Environment
:E) และ จิตใจ (Mental :M)
อันหมายถึง “การศึกษาที่เน้นการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมด้วยความเป็นไทยใส่ใจ
(จิตใจ) สิ่งแวดล้อม”
โดยที่การศึกษาจะต้องให้ความสำคัญของการดำรงคงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่ยั่งยืนทำอย่างไรที่จะให้คนไทยประเทศไทยของเราเป็น
“สังคมความเป็นไทย” อย่างแท้จริง ซึ่งอาจจะต้องเน้นหนักในเรื่องของหลักพุทธธรรมคำสอนให้ลึกซึ้งของเด็กนักเรียนตั้งแต่ปฐมวัยจนไปสู่ระดับที่สูงขึ้นตามลำดับ
คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา เป็นต้น ทั้งนี้
จะต้องมีจิตใจที่รักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ให้ความสนใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ
ด้านอย่างสมดุล
ครับ
กล่าวสำหรับ “สังคม (Social :S)” หากว่าการศึกษาทำให้เกิดการเรียนรู้ความเข้าใจการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขย่อมจะทำให้เกิดประเทศไทยของเราน่าอยู่ยิ่งๆ
ขึ้น และเช่นเดียวกันกับ ความเป็นไทย (Thai
: T) ซึ่งเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานพระราชดำรัส แก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๗
ณ วังไกลกังวล หัวหิน ความตอนหนึ่งที่ว่า “ข้อสำคัญ
จะคิดจะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวม และความเป็นไทยไว้เสมอ
งานของตน และงานของชาติ จักได้ดำเนินก้าวหน้าไป
โดยถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่ติดขัด และบรรลุถึงประโยชน์ เป็นความสุข
ความเจริญ และความสงบร่มเย็น ดังที่ทุกคนตั้งใจปรารถนา”
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
(Environment :E) นับวันจะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่กระทบการดำรงชีพของคนเราในทางที่ไม่ดีเท่าที่ควร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอากาศ น้ำ ป่า หรือ อื่นๆ ที่เป็นสิ่งแวดล้อมกระทบต่อตัวเรา
คนไทยก็ควรจะต้องอย่างยิ่งตระหนักให้ความสำคัญในการศึกษาเรียนรู้ว่าทำอย่างไรที่จะให้สิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ
ของเราน่าอยู่มีความสมดุลตามหลักธรรมชาติ ซึ่งเมื่อเราทำได้แล้วย่อมจะเกิดผลดีต่อจิตใจ
(Mental :M) และหากว่าจิตใจของเราดีย่อมจะดีในทุกๆ
ด้านตามมาในที่สุด
ครับ สุดท้ายนี้ หากว่าเรานำ STEM
education ทั้ง ๒ แบบมาบูรณาการในการเรียนการสอนในการศึกษาทุกระดับ
ผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน
มณูญพงศ์
ศรีวิรัตน์
๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗