Nuffnang Ads

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ชา ความปรารถนา เกินความพอดี"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ชา ความปรารถนา เกินความพอดี"  คติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ชา (วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี)​ เกี่ยวกับเรื่องของความปรารถนาที่เกินความพอดีนี้นับได้ว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อยากจะเชิญชวนพุทธศาสนิกชนคนไทยทุกท่านได้ฟังจาก YouTube ต่อไปนี้ 


"อันความปรารถนาของคน อันไหนที่ไม่ใช่
ยังปรารถนากัน
ปรารถนาให้อายุยืน
ปรารถนา เกินความพอดี
ไม่ดูตัวเอง
ความโลภมากอยากหลาย เกิดจากความหลง
อะไรก็สู้ความพอดีไม่ได้"

จะเห็นว่าคติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ชาข้างต้น น่าจะทำให้เราทุกคนได้ตั้งสติคิดให้ดีว่า ความปรารถนาของคนเรานี่มันพอดีหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของอายุยืน ซึ่งหากทุกท่านได้ลองฟังอีก (อาจจะหลายๆ รอบก็ได้​)​ ยิ่งจะทำให้รู้เข้าใจว่า ความปรารถนาเกินความพอดีนั้นไม่ดีอย่างแน่นอน 

และเป็นธรรมเนียมของผู้เขียนที่จะต้องขออนุญาตท่านผู้อ่านทุกท่านได้โปรดมีเมตตาพิจารณากาพย์ยานี ๑๑​ ต่อไปนี้ เพื่อว่าจะได้ปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป 

อันความปรารถนา  ไม่มีค่าหากไม่ใช่
ปรารถนากันไป  ไม่ใส่ใจว่าพอดี

ต้องการอายุยืน  เพราะมัวฝืนไม่พอดี
บางสิ่งต้องมากมี  สู้พอดีไม่ได้หรอก

ความโลภมากอยากหลาย  หากว่าตายต้องช้ำชอก
หยุดหายใจเข้าออก  ต้องขอบอกตายทันที

ความโลภเพราะความหลง  ไม่มั่นคงหรอกชีวี
ทุกสิ่งต้องพอดี  ย่อมจะดีมีสุขจริง

ปรารถนาไม่หยุด  ยากจะสุดทุกข์อย่างยิ่ง
พอดีให้แท้จริง  ใจหยุดนิ่งสิ้นสุดกัน

ปรารถนาของคน  หลงมากกันไม่สร้างสรรค์
พอดีให้ได้พลัน  คงสักวันพอดีเอย

ปภาวีร์
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ : อย่าโกรธนาน"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ : อย่าโกรธนาน"  คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญเกี่ยวกับเรื่อง "โกรธ"​ นั้น นับได้ว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อยากให้ทุกท่านได้ฟังจาก YouTube ต่อไปนี้ 



“... การเจริญกรรมฐานต้องการให้ใจเย็น ใจสบาย  ใจเป็นปกติแล้วจะไม่โกรธ จะไม่เกลียด จะไม่เหยียดฉัน จะไม่ผูกพยาบาท...”

“...ถึงหากว่าท่านโกรธ แต่อย่าโกรธให้นาน ถึงจะโกรธก็ไม่ค้างคืน เดี๋ยวก็หายไป...”

คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญข้างต้นมีคุณค่าอย่างดียิ่งต่อพุทธศาสนิกชนคนไทยทุกท่าน เพราะเชื่อว่าเราทุกคนตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมจะต้องมีความ "โกรธ"​ อย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญอย่างที่ท่านหลวงพ่อจรัญได้กล่าวไว้ว่าโกรธได้แต่อย่าโกรธให้นาน พร้อมทั้งไม่ผูกพยาบาท เรื่องดังกล่าว คงจะต้องฝึกฝน ทั้งนี้ หากว่าสังคมคนไทยเราในทุกระดับทุกคนชนชั้นเมื่อโกรธกันแล้ว แต่ไม่โกรธนานไม่ผูกพยาบาทกัน ย่อมจะมีแต่ความสุขที่ยั่งยืน 

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้โปรดมีเมตตาพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาต่อไป ดังนี้
-------------------------------
เวลาที่เราโกรธ มีแต่โทษอย่างมากมาย
โกรธมากยิ่งใกล้ตาย เศร้าใจกายทุกเช้าเย็น

หยุดโกรธให้จงได้ หากหยุดได้จะสุขเย็น
โกรธนานยิ่งลำเค็ญ ไม่แลเห็นในเรื่องดี

อย่าโกรธกันเนิ่นนาน จะเสียงานทุกข์ฤดี
โกรธนานทุกข์มากมี ย่อมไม่ดีต่อทุกคน

เจริญกรรมฐาน ใจประสานอย่างอดทน
โกรธกันใจหมองหม่น เศร้ากมลทุกข์ระทม

หยุดโกรธได้ทันที เกิดผลดีน่าชื่นชม
หยุดโกรธอภิรมย์ ไม่ตรอมตรมอีกต่อไป

ความโกรธต้องรีบหยุด ให้สิ้นสุดออกจากใจ
หยุดโกรธในทันใด สุขฤทัยสุขยิ่งเอย

ปภาวีร์ 
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ชา เรื่อง ปฏิรูปประเทศ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ชา เรื่อง ปฏิรูปประเทศ" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ชา (วัดหนองป่าพง วารินชำราบ อุบลราชธานี)​ ท่านมอบไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนเกี่ยวกับเรื่อง การปฏิรูปประเทศ  ซึ่งนับว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศไทย ดังนั้น หากว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศจะลองเสียเวลาสักเล็กน้อยฟังจาก YouTube ต่อไปนี้ คงจะดี


"...ปฏิรูปประเทศ
ขาดนักปราชญ์ อาจารย์ ปฏิรูปประเทศได้ยาก
เป็นบ้านมีศีล มีธรรม ก็จะเจริญขึ้น

ถ้าไม่มีธรรมะ นับวันจะเสื่อม
วัดก็ไม่สัมพันธ์บ้าน บ้านก็ไม่สัมพันธ์กับวัด
นับวันจะห่างกันออก..."

จะเห็นว่าคติธรรมคำสอนดังกล่าวข้างต้น หากว่าฟังให้จบ (และฟังหลายๆ รอบ)​ เชื่อว่าจะเกิดผลดีต่อการปฏิรูปประเทศพัฒนาประเทศของเราเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เรื่องปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องของทุกคนทุกฝ่ายจะต้องสามัคคีมีจิตเมตตาต่อกัน แล้วทุกอย่างคงจะดีอย่างแน่นอน

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดกรุณาเมตตาเช่นกันในการชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาปฏิรูปต่อไปดังนี้ 
==============
ปฏิรูปประเทศ  ย่อมวิเศษจะเจริญ
ศีลธรรมอย่าหมางเมิน  จะก้าวเดินเจริญไป

ถ้าไม่มีธรรมะ  นับวันจะเสื่อมเรื่อยไป
บ้านเมืองไม่ก้าวไกล  ไม่เข้าใจย่อมไม่ดี

ขาดนักปราชญ์อาจารย์  ร่วมประสานนำสิ่งดี
ปฏิรูปจะดี  ธรรมให้มีดีสัมพันธ์

วัดบ้านประชาชน  ร่วมกมลสิ่งสร้างสรรค์
นับวันจะห่างกัน  ไม่สัมพันธ์ธรรมไม่มี

ปฏิรูปด้วยใจ  สร้างสิ่งใหม่ธรรมมากมี
บ้านวัดสัมพันธ์ดี ศีลให้มีธรรมเพิ่มเติม

ปฏิรูปบ้านเมือง  จะรุ่งเรืองศีลต้องเริ่ม
ธรรมะจิตต้องเสริม  ดีกว่าเดิมแน่แท้เอย

ปภาวีร์
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน"หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - โทสะจริต"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - โทสะจริต" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำเกี่ยวกับเรื่องของ "โทสะจริต"​ เชื่อว่าเราคนธรรมดาทุกคนจะต้องประสบพบเจอมากับตัวเองอย่างแน่นอน  ถ้างั้นลองฟังจาก YouTube ดังนี้ 


“... คำว่าโทสะจริต แปลว่า คนมักโกรธ คนประเภทนี้ชอบโกรธ โกรธง่ายๆ แต่โกรธใครได้แล้ว รู้สึกว่าจะโก้ดี แสดงอาการฮึดฮัด เข้มข้น เกรียวกราด เข้าใจว่าเป็นการกระทำความดี...”

“... คนที่โกรธง่ายแก่เร็ว คนที่มีความมักโกรธหรืออารมณ์โกรธ คนนั้น เป็น คนโง่...”

จะเห็นว่าคติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำข้างต้น หากว่าเราพุทธศาสนิกชนคนไทยทุกคนได้พิจารณาทบทวนว่าตัวเราเป็น "คนมักโกรธ"​ หรือไม่ หากประเทศไทยของเรามีคนมักโกรธจำนวนมากย่อมจะไม่ดีเป็นแน่แท้  ดังนั้น เราจะต้องช่วยกันทำให้คนมักโกรธมีจำนวนน้อยและไม่มีเลยน่าดีอย่างยิ่ง (คงจะเป็นไปได้ยาก)

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาต่อไปดังนี้ 

คนโทสะจริต ไม่มีจิตในทางดี
โกรธง่ายย่อมไม่ดี ย่อมจะมีแต่เสียหาย

คนโกรธง่ายแก่เร็ว เป็นคนเลวหญิงหรือชาย
อีกทั้งอาจเดียวดาย จิตใจร้ายไม่ได้ดี

คนโกรธไม่มีค่า รู้สึกว่าจะโก้ดี
เกรียวกราดฮึดฮัดดี คิดว่าดีแท้จริงโง่

เป็นคนที่มักโกรธ มักจะโทษคุยอวดโม้
โกรธง่ายมีโมโห หยิ่งยโสอยู่เรื่อยไป

โทสะจริตมาก ย่อมลำบากยิ่งทุกข์ใจ
โกรธมากยิ่งหมองไหม้ ทุกข์ในใจทุกคืนวัน

โทสะจริตยิ่ง ทุกข์แท้จริงไม่สร้างสรรค์
ชอบโกรธยิ่งโศกศัลย์ ทุกข์มหันต์ทุกสิ่งเอย

ปภาวีร์
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "วิธีสร้างบุญบารมี โดย สมเด็จพระสังฆราช"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "วิธีสร้างบุญบารมี โดย สมเด็จพระสังฆราช" หนังสือวิธีสร้างบุญบารมี โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เล่มนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง  และอยากจะเชิญชวนท่านพุทธศาสนิกชนคนไทยทุกท่านได้หาอ่านกัน โดยในเบื้องต้นขอนำเสนอบางส่วนในหนังสือดังกล่าว ดังนี้ 


 หน้า ๑๗ 
 หน้า ๒๐ 
 หน้า ๒๒ 
 หน้า ๒๗ 

และผู้เขียนขอสรุปตามรูปภาพต่อไป นี้

ซึ่งหน้า ๓๔ 
"ผู้ใดแม้จะทำสมาธิจนจิตเป็นฌานได้นานถึง ๑๐๐ ปี และไม่เสื่อม ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงที่ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายอันเนื่องมาจากการปรุงแต่งล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตเดียวก็ตาม"

จะเห็นว่าวิธีสร้างบุญบารมีจากหนังสือข้างต้นนับว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่งเป็นจริงที่เราทุกคนควรจะต้องลองหาอ่าน ลองเข้าใจ ลองฝึกปฏิบัติ อันประกอบด้วย "ทาน ศีล ภาวนา" ซึ่งเชื่อว่าเมื่อทุกคนเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นกฎไตรลักษณ์ที่พระพุทธองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบไว้เป็นหลักธรรมให้พุทธศาสนิกชนทุกคนได้เข้าถึงเพื่อความหลุดพ้น "นิพพาน" ในที่สุด 

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดพิจารณามีเมตตาชี้แนะเพื่อการปรับปรุงพัฒนาต่อไปดังนี้ 

สร้างบุญบารมี  เพื่อไปดีมีภพใหม่
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ  ต้องเข้าใจให้ดีดี

ให้ทานหลายระดับ  จะต้องนับตามวิธี
ทานนั้นล้วนแต่ดี  ตั้งใจดีมีผลธรรม

ศีลแปลว่าปกติ  มีสติเป็นประจำ
จิตดีศีลน้อมนำ  สร้างผลกรรมในทางดี

ตั้งจิตภาวนา  ธรรมนำพาหาชีวี
สมาธิมากมี  เข้าใจดีภาวนา

ทุกสิ่งอนิจจัง ต้องทุกขังอนัตตา
ไตรลักษณ์ทรงคุณค่า นำชีวาสู่นิพพาน

ชีวิตอายุขัย  ไม่ว่าใครอีกไม่นาน
ตั้งจิตคิดให้ทาน  ย่อมพบพานสิ่งดีเอย

ปภาวีร์ 
๑ มิถุนายน ๒๕๕๘  วันวิสาขบูชา

วิสาขบูชา  ศาสนามีค่ายิ่ง
จิตใจสงบนิ่ง  สุขแท้จริงสิ่งทุกอย่าง

คืนเดือนหกวันเพ็ญ  จิตต้องเห็นทางสว่าง
ตรัสรู้หนทาง  เป็นตัวอย่างก้าวเดินไป

ทรงประสูติวันนี้  นำชีวีธรรมยิ่งใหญ่
ปฏิบัติธรรมนำใจ  เพื่อพ้นภัยทุกข์สิ้นสูญ

วันปรินิพพาน  จิตเบิกบานสุขเพิ่มพูน
ธรรมะทวีคูณ  มีเกื้อกูลเป็นที่ตั้ง

ทรงสอนกฎไตรลักษณ์  ให้รู้จักอนิจจัง
อนัตตาทุกขัง  จิตระวังสติมี

ทุกอย่างอยู่ที่จิต  คอยนึกคิดในสิ่งดี
คิดธรรมทำเรื่องดี  ส่งผลดีภพต่อไป

วิสาขบูชา  ไหว้วันทาธรรมสู่ใจ
จิตนิ่งอยู่ภายใน  สุขฤทัยนิรันดร์เอย
------------------------------------------------------
คืนวันวิสาขบูชา  ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ 
----------------------
แสงจันทร์คืนวันเพ็ญ  งดงามเด่นเห็นทั่วหล้า
แสงจันทร์ส่องนภา  พสุธาพาเห็นเงา

แสงจันทร์นำธรรมะ  คืนวันพระใจอย่าเศร้า
แสงจันทร์ส่องตัวเรา  ไม่มัวเมาเรื่องไม่ดี

แสงจันทร์เพ็ญเดือนหก  อย่าวิตกรกฤดี
แสงจันทร์นวลแสงสี  จิตคิดดีมีด้วยธรรม

แสงจันทร์ธรรมชาติ  หาชมยากไม่มืดค่ำ
แสงจันทร์ส่องแสงนำ  เป็นประจำคืนวันเพ็ญ

แสงจันทร์สว่างดับ ย่อมลาลับตามที่เห็น
แสงจันทร์มองแล้วเย็น  จิตบำเพ็ญเห็นธรรมดี

แสงจันทร์สว่างจ้า  จิตนำพาหาสิ่งดี
แสงจันทร์ในคืนนี้  นำชีวีให้ดีเอย

---------------------

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน"​ หลวงพ่อจรัญ เล่าเรื่อง ขอทานทำบุญ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน"​ หลวงพ่อจรัญ เล่าเรื่อง ขอทานทำบุญ" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงจรัญเกี่ยวกับ "ขอทานทำบุญ"​ เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงอยากจะเชิญชวนทุกท่านได้ฟังจาก YouTube ต่อไปนี้ 


“...ขอทานทำบุญ ขอทานได้เท่าไร ครึ่งหนึ่งถวายวัด...
“... ขอทาน สวดมนต์ ไหว้พระ...”
“... เอาบุญมาไว้ที่ตัวเอง ไม่ต้องเอาให้คนอื่น..."

ผู้เขียนเชื่อว่า หากท่านผู้อ่านได้ฟังคติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญ​​ข้างต้น (หลายๆ รอบ)​ เชื่อว่าทุกท่านจะต้องได้ข้อคิดข้อปฏิบัติปรับปรุงตัวเองอย่างแน่นอน การเอาบุญมาไว้ที่ตัวเอง ไม่ต้องเอาให้คนอื่นนับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดั่งคำที่ว่า "ตนเป็นที่พึ่งของตน"​  เรื่องราวของขอทานทำบุญ​ คงจะเป็นข้อคิดดีในชีวีของเราทุกท่านเพื่อจะได้ทำดีทำบุญเพื่อตัวเองต่อไปในวันข้างหน้า

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาต่อไปนี้ดังนี้

เมื่อขอทานทำบุญ  เกิดเป็นคุณต่อตัวเอง
ทำบุญไม่อวดเก่ง  พร้อมยำเกรงต่อผลกรรม

ครึ่งหนึ่งถวายวัด  กิจวัตรในเรื่องธรรม
ทำบุญเป็นประจำ จิตน้อมธรรมไหว้สวดมนต์

เอาบุญไว้ที่ตัว  ละสิ่งชั่วจิตหมองหม่น
ความดีในกมล  เมื่อเป็นคนต้องทำทาน

ชีวิตเลือกไม่ได้  อยู่ที่ใจจะเลือกสาน
ถึงแม้เป็นขอทาน ได้ทำทานย่อมได้บุญ

ขอทานจิตกุศล  สิ่งมงคลขอเกื้อหนุน
ทุกท่านได้เกื้อกูล ทวีคูณบุญสู่ใจ

ขอทานเพียงร่างกาย  เกิดแก่ตายทุกเพศวัย
ทุกคนมีน้ำใจ ได้บุญใหญ่ใส่ตนเอง

ปภาวีร์ 
๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "ใจไม่อิ่ม เลยไม่พอ โดยหลวงปู่ชา"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "ใจไม่อิ่ม เลยไม่พอ โดยหลวงปู่ชา"  คติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ชาในครั้งนี้ (ภาษาอีสาน) นับได้ว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง ซึ่งอยากจะเชิญชวนทุกท่านรับฟังจาก YouTube ตาม Link ต่อไปนี้ 


“ใจไม่อิ่ม เลยไม่พอ”

แน่นอนว่าหากทุกท่านได้ตั้งใจฟังอย่างมีสติ (หลายๆ รอบ) แล้วเชื่อว่า จะต้องคิดใหม่ในชีวิตแล้ว และอาจจะเกิดคำถามว่า "ใจของเราอิ่มหรือยัง"  คงไม่มีใครที่จะตอบแทนท่านว่า "ใจอิ่มหรือยัง" เพราะหากว่าใจของเราอิ่มแล้วคงจะต้องพออย่างแน่นอนที่สุด

และเป็นธรรมเนียมของผู้อ่านที่จะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดกรุณาพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อการพัฒนาปรับปรุงดังต่อไปนี้

ใจไม่อิ่มใครรู้  เฝ้าแลดูถามในใจ
ถามตนอิ่มหรือไม่  ไม่มีใครจะรู้ดี

ไม่อิ่มไม่มีพอ  มีแต่ขอให้มากมี
ไม่อิ่มเสียสักที  พอกันทีชีวีวาย

ไม่พอยิ่งอยากชิม  ใจไม่อิ่มเดียวก็ตาย
ไม่อิ่มเพราะเสียดาย ความเสียหายจะตามมา

ใจอิ่มย่อมจะเป็นสุข  ย่อมไม่ทุกข์ในอุรา
พอดีมีคุณค่า  ใจนำพาพอเสียที

ใจพอต้องปล่อยวาง หาหนทางอิ่มพอดี
ฝึกฝนใจให้ดี  นำชีวีมีสุขเอย

ปภาวีร์ 
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ วันโกน วันพระ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ วันโกน วันพระ"  คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญเกี่ยวกับ "วันโกน วันพระ"​ นับว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่ง หากเชิญชวนทุกท่านรับฟังได้ที่ YouTube ต่อไปนี้ 





“...วันโกน วันพระ ให้หยุดงาน

อาตมาถึงนิยมทำบุญวันพระวันโกน...
สร้างธรรม สังฆทานวันพระวันโกน...”

หากว่าประเทศไทยของเรากลับมาหยุดงานในวันโกนและวันพระ คงจะดีมิใช่น้อย (คงจะยาก หากเป็นอย่างนั้น คงจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น)​ ซึ่งอย่างที่ท่านหลวงพ่อจรัญได้กล่าวเป็นคติธรรมคำสอนข้างต้น  ต่อไปนี้ พุทธศาสนิกชนคนไทยทุกคนในวันโกนและวันพระลองทำบุญ (และหยุดในวันดังกล่าว ทำจิตใจให้ผ่องใส)​ เชื่อว่าจะเกิดผลดีเป็นบุญต่อทุกคนทุกฝ่ายอย่างแน่นอน 

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาดังต่อไปนี้

วันโกนและวันพระ  มีมานะมาทำบุญ
สองวันหยุดเป็นคุณ  ได้เกื้อหนุนบุญมากมี

สองวันให้หยุดงาน สังฆทานทำทันที
ทำบุญสุขฤดี  ยิ่งทำดีมากมีบุญ

สองวันจิตสงบ  จะประสบธรรมค้ำจุน
ความดีให้กักตุน  ดีไม่สูญพูนเพิ่มเติม

หยุดวันโกนวันพระ  น้อมธรรมะจิตต้องเริ่ม
ทุกอย่างธรรมต้องเสริม มากกว่าเดิมดีแน่นอน

สองวันเพียงเท่านี้  คิดให้ดีทบทวนก่อน
วันหยุดอย่าตัดรอน  ย่อมได้พรสุขฤทัย

วันพระและวันโกน  ขออย่าโยนดีออกไป
ทำดีมากเข้าไว้  บุญยิ่งใหญ่ใจสุขเอย   

ปภาวีร์ 
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง พระกาล"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง พระกาล" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำครั้งนี้ เกี่ยวกับ "พระกาล" หรือ ว่า อาจจะเป็น "พระกาฬ"​​ เชื่อว่าหลายท่านอาจจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงขอเชิญทุกท่านรับฟังได้จาก YouTube 




"... ในเมื่อองค์สมเด็จพระจอมตรัย เสด็จ
เทวดากับพรหม นางฟ้า ทั้งหมด ก็ต้องมาเฝ้า
ฉะนั้น เจ้าหน้าที่แห่งรถทิพย์ ก็ต้องมาเฝ้าเหมือนกัน
เวลาไม่ว่าง..." 

     เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "พระกาล"​ หรือ "พระกาฬ"​ ผู้เขียนไม่แน่ใจไม่มีความรู้เหมือนกัน ดังนั้น พระกาล หรือ พระกาฬ ข้างต้น คงเป็นหน้าที่ของผู้อ่านต่อไปที่จะทำหน้าที่ในการค้นหาความหมาย แต่ในเบื้องต้น ผู้เขียนคิดว่า 
        พระกาล  น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเทพหรือผู้ที่รักษาว่าด้วย เรื่องของ "เวลา"
        พระกาฬ  น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเทพหรือผู้ที่รักษาว่าด้วยเรื่องของ "ความตาย" 

     และจากที่ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้มีเมตตามีคติธรรมคำสอนเล่าให้ฟังข้างต้น  ย่อมจะหมายถึง 
๑.​ เวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จฯ ไปที่แห่งหนไหนเหล่าเทวดา พรหม นางฟ้า ทั้งหมด จะต้องเข้าเฝ้า 
๒.​ เวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จฯ จะต้องมีรถทิพย์และเจ้าหน้าที่แห่งรถทิพย์เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งก็จะต้องมาเข้าเฝ้าเหมือนกัน 
๓.​ เวลาดังกล่าว  เป็น "เวลาไม่ว่าง...."​  อันนี้หมายถึงอะไร ไม่ทราบได้  ซึ่งอาจจะหมายถึงว่า เทวดา พรหม นางฟ้า และเทพอื่นๆ ล้วนไม่ว่าง จะต้องเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ในขณะนั้น

และเป็นธรรมเนียมเช่นเคยก่อนจากกันที่ผู้เขียนจะขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาพิจารณาแนะนำชี้แนะเพื่อการปรับปรุง ดังนี้

พระกาลหรือพระกาฬ  ถูกกล่าวขานน่าสนใจ
ดินแดนไม่เคยไป  จะมีใครช่วยบอกที

พระกาลเรื่องเวลา  หมดเวลาในชีวี
เป็นคนทำความดี  ตายไปดีไม่กลับย้อน

พระกาฬเรื่องความตาย  หญิงหรือชายตายแน่นอน
ความตายไม่ผัดผ่อน  ใครไปก่อนอาจสุขใจ

เจ้าหน้าที่รถทิพย์  ต่างใกล้ชิดเข้ามาใกล้
สมเด็จพระจอมตรัย ไปที่ไหนมีเมตตา

เมื่อเวลามาถึง  ธรรมต้องพึ่งจิตนำพา
พระกาลตามเวลา กาลเวลาหมดสิ้นลง

พระกาฬท่านตามหา  จิตสั่งลาตามประสงค์
ชีวิตไม่ยืนยง ธรรมดำรงคงอยู่เอย

ปภาวีร์ 
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ : ความโกรธ คือ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ : ความโกรธ คือ" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญเกี่ยวกับ "ความโกรธ"​นั้้นทรงคุณค่าอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะต้องฟัง  YouTube 



“... ความโกรธ คือ อาการที่ใจขุ่นเคือง ใจมันขุ่น ใจมันเคือง ใจเร้าร้อน ถ้าใจของใครมีอาการเช่นนี้นะ ปรากฏขึ้นแล้ว พึงทราบเถอะว่า นี้แหละ คือ ความโกรธ  ควรระวัง เพราะจะเป็นต้นเหตุแห่งความพินาศในการต่อไป...”

คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญข้างต้น หากว่าท่านใดกำลังโกรธในขณะนี้ หรือ กำลังจะโกรธ นั้น ขอให้ลองตั้งสติทั้งฟังและอ่านเกี่ยวกับ "ความโกรธ​ คือ...."​ แล้ว เชื่อว่าทุกท่านจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้  

และเป็นธรรมเนียมเช่นเคยที่ผู้เขียนจะขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาชี้แนะแนะนำเพื่อการพัฒนาปรับปรุงต่อไป ดังนี้ 

ความโกรธคือขุ่นเคือง ยิ่งต่อเนื่องมันเคืองใจ
ความโกรธยิ่งเฝ้าไหม เศร้าฤทัยในกมล

ความโกรธใจเร้าร้อน โกรธทุกตอนยิ่งร้อนร้น
โกรธมากยิ่งหมองหม่น ไม่อดทนโกรธเรื่อยไป

ต้นเหตุความพินาศ ปราศจากให้อภัย
โกรธกันทุกเรื่องไป ในหัวใจทุกข์ระทม

โกรธกันไม่จบสิ้น จนเคยชินไม่ชื่นชม
โกรธกันไม่นิยม ไม่เหมาะสมว่าเรื่องดี

จิตใจที่มันขุ่น ไม่เป็นคุณทำความดี
เปลี่้ยนจิตให้คิดดี ธรรมะดีมีอดทน

ความโกรธหากใครมี อเวจีมาสู่ตน
หยุดโกรธกันเถิดคน จะหลุดพ้นได้ดีเอย

ปภาวีร์ 
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จิตมุ่งนิพพาน"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  จิตมุ่งนิพพาน"​ คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำสั้นๆ ได้ใจความอย่างยิ่ง แท้จริงอย่างแน่นอน อย่าตัดรอนลองฟังจาก YouTube ต่อไปนี้ 




“... ไม่สนใจกับร่างกาย ไม่สนใจกับวัตถุธาตุใดๆ  ทั้งหมด เอาจิตมุ่งพระนิพพานเป็นอารมณ์...”

“... อยู่นานเท่าไรก็เป็นทุกข์มากเท่านั้น ตายแล้วมีความสุข...” 

จะเห็นว่าคติธรรมคำสอนดังกล่าวข้างต้นเป็นสิ่งที่เป็นจริง หากว่าพุทธศาสนิกชนคนไทยลองฟังลองพิจารณาลองฝึกตนทนต่อสิ่งภายนอก เอาชนะภายในของตน คือ ชนะจิต เชื่อว่าจะได้พบกับสิ่งดีๆ อย่างแน่นอน 

และเป็นธรรมเนียมเช่นเคยที่ก่อนจากกันผู้เขียนขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑​ ไว้ให้ท่านผู้อ่านได้โปรดมีเมตตากรุณาพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาต่อไป ดังนี้ 

ไม่พอใจกับร่างกาย ไม่เสียดายหากตายลง
ทุกสิ่งไม่มั่นคง ไม่ดำรงตลอดกาล

การงานอาจจจะยุ่ง  เอาจิตมุ่งพระนิพพาน
ธรรมะใจประสาน อีกไม่นานตายแน่จริง

อยู่นานยิ่งจะทุกข์ ตายแล้วสุขพ้นทุกสิ่ง
นิพพานสุขแท้จริง อย่าประวิงศึกษาธรรม

เวลาไม่คอยใคร ตายเมื่อไหร่ไม่รู้ซ้ำ
ฝึกตายเป็นประจำ จิตน้อมธรรมไว้ให้ดี

จิตมุ่งพระนิพพาน ไม่ช้านานย่อมไปดี
อาจตายในทันที มุ่งจิตดีมีสุขเอย


ปภาวีร์ 
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ พัฒนา ๓ อย่าง"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ พัฒนา ๓ อย่าง" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญ จาก YouTube ต่อไปนี้ สั้นๆ เพียง ๑ นาที กับ ๑๙ วินาที หากว่าได้ฟังแล้วจะเข้าว่า การพัฒนา ๓ อย่าง นั้น คือ อะไร 




คติธรรมคำสอนหลวงพ่อจรัญจาก YouTube ข้างต้น 

"พัฒนาจิต พัฒนาร่างกาย พัฒนาเวลา
....
ถ้าชีวิตไม่มีค่า เวลาไม่ประโยชน์....
อดทน หลวงพ่อนิ่ง หลวงพ่อทน...."

หากว่าท่านผู้อ่านทุกท่านได้ฟัง (ฟังหลายๆ รอบ) ข้างต้นแล้ว เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้สิ่งดีๆ และได้เข้าใจว่า การพัฒนา ๓ อย่าง นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์เรา ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า เบื้องต้น เราจะต้องพัฒนาจิตของเราเป็นเบื้องต้น แล้วตามด้วยพัฒนาร่างกาย และสุดท้าย คือ การพัฒนาบริหารเวลาของเราให้เกิดประโยชน์ที่สุด 

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ผู้อ่านได้โปรดกรุณาพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อการพัฒนาต่อไป ดังนี้

พัฒนาสามอย่าง  เป็นหนทางนำชีวี
พัฒนาให้ดี  เกิดผลดีต่อตัวตน

พัฒนาที่จิต  อย่างใกล้ชิดและอดทน
สงบที่ใจตน  นิ่งกมลทนที่ใจ

พัฒนาร่างกาย ทั้งหญิ่งชายให้ปลอดภัย
ดูแลอย่างเข้าใจ  ทุกเพศวัยใจประสาน

พัฒนาเวลา  เกิดคุณค่ามหาศาล
ตั้งใจทุกการงาน  เป็นผลงานดีเลิศจริง

พัฒนาตั้งมั่น จิตคอยหมั่นทำทุกสิ่ง
จิตใจจะต้องนิ่ง อดทนจริงนิ่งด้วยธรรม

พัฒนาให้ดี สุขฤดีเป็นประจำ
พัฒนาก้าวล้ำ จิตน้อมนำได้ดีเอย


ปภาวีร์ 
๒๐​ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "อุเบกขา โดยท่านพุทธทาสภิกขุ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "อุเบกขา โดยท่านพุทธทาสภิกขุ" คติธรรมคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุเกี่ยวกับ "อุเบกขา" ซึ่งเป็นข้อที่ ๔ ของพรหมวิหาร ๔ ผู้อ่านทุกท่านคงจะทราบกันดี แต่ "อุเบกขา" ดังกล่าวจากหนังสือ "ความลับของชีวิต โดยพุทธทาสภิกขุ" หน้า ๑๒๒-๑๒๓ ดังต่อไปนี้ 



"คำว่า อุเบกขาๆ มันแปลว่า เข้าไป เพ่งดู หรือเพ่งดูเข้าไป คือ จ้องดูอยู่เฉยๆ ไม่ใช่เลิกกัน ไม่ใช่หลับตาแล้วเลิกกัน ลืมตาจ้องดูอยู่ เพ่งดูอยู่ ว่ามัน จะช่วยได้เมื่อไรจะช่วยทันที นี่อุเบกขาในพรหมวิหารข้อที่ ๔ ซึ่งมักจะอธิบายกันผิดๆ เราจงมีการเพ่งดู จ้องดูอยู่ทุกโอกาสที่เราจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของเราได้เท่าใด เมื่อไรที่ไหนช่วยทันที"

จะเห็นว่าคติธรรมคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุเกี่ยวกับ "อุเบกขา" ดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ดังนั้น หากว่าเราฝึกในเรื่องพรหมวิหาร ๔ ได้เต็มครบถ้วนแล้วยิ่งจะเกิดผลดีอย่างแน่นอน

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ เพื่อให้ผู้อ่านได้โปรดกรุณามีเมตตาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาต่อไปดังนี้ 

ขอจงอุเบกขา ทุกเวลาเพ่งมองดู
เพ่งดูเพื่อให้รู้  จ้องแลดูช่วยทันที

ไม่ใช่เลิกลากัน ช่วยเหลือกันในทางดี
จ้องดูโอกาสดี  เราจงมีการเพ่งดู

ข้อสี่พรหมวิหาร จิตประสานเฝ้าแลดู
เมื่อไรคงต้องรู้ จ้องดูอยู่ไม่เลิกกัน

อุเบกขาวางเฉย  อย่าละเลยช่วยเหลือกัน
เมื่อไรที่ไหนกัน  เพ่งดูกันดูเข้าไป

ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อย่าได้หยุดช่วยทันใด
อุเบกขาที่ใจ  จิตเพ่งไปดูให้ดี

จ้องดูทุกโอกาส  จะสามารถช่วยอย่างดี
อุเบกขาย่อมดี  ส่งผลดีมีสุขเอย

ปภาวีร์ 
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "อาลัย หลวงพ่อคูณ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "อาลัย หลวงพ่อคูณ" การจากไปของท่านหลวงพ่อคูณ นับว่านำมาซึ่งความเสียใจโศกเศร้าของพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกคน ซึ่งคติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อคูณ นั้น หลายท่านทราบดีว่าเป็นอย่างไร ดีอย่างไร

และเพื่อเป็นการไว้อาลัยในการจากไปในครั้งนี้ของหลวงพ่อคูณ ผู้เขียนขออนุญาตเชิญชวนทุกท่านรับชมรับฟังจาก YouTube ต่อไปนี้ 


ซึ่งจากคติธรรมคำสอนหลวงพ่อคูณข้างต้น บางช่วงบางตอน 

"...นั่งภาวนาทนไป ทนไป นานไป นานไป นานไป มันก็หาย ออกไปเอง หายไปเอง ไม่มีอะไรหรอก กูก็ถือว่า ตัวกิเลส ตัวมาร นั่นแหละมาตาม..."

และเพื่อเป็นการไว้อาลัย ผู้เขียนขออนุญาต ดังนี้

คำสอนหลวงพ่อคูณ  ธรรมเกื้อหนุนให้ได้ดี
ขันติอดทนมี  ส่งผลดีภาวนา

ทนไปและนานไป นิ่งเข้าไว้ในอุรา
ธรรมะมีคุณค่า  ย่อมเข้ามาพาสุขใจ

ทนได้สมาธิ  ด้วยสติมากเข้าไว้
นั่งเฉยเลยภายใน  ฝึกจิตใจใฝ่เรื่องดี

ตัวกิเลสตัวมาร  ต้องประหารในทันที
ฝึกตนให้มากมี  ส่งผลดีมีแต่บุญ

ตั้งใจภาวนา  ธรรมนำพาพร้อมเกื้อกูล
อาลัยหลวงพ่อคูณ  ขอเทิดทูนไว้อาลัย

คำสอนสั้นได้ความ  น่าติดตามมาสู่ใจ
หลวงพ่อคูณจากไป   สู่ภพใหม่นิพพานเอย 

ปภาวีร์ 
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘