Nuffnang Ads

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

พูดดีเป็นศรีแก่โลกของเรา

ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน อากาศภายนอกอาคารบ้านเรือนของเราค่อนข้างจะร้อน เมื่ออากาศร้อนก็พยายามอย่าให้อารมณ์ร้อนไปด้วย ผู้เขียนได้อ่านข่าวได้ดูข่าวในช่วงนี้ มีการกล่าวถึงคำว่า "สถาบัน" อันนั้นก็เป็นเรื่องของบ้านเมืองผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่สำหรับคนไทยทุกคนผู้เขียนเชื่อว่าจะต้องรู้จัก "สถาบัน" แห่งนี้อย่างแน่นอน สถาบันที่ว่า คือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ The National Institute of Development Administration (NIDA) เป็นสถาบันที่เหมือนกับมหาวิทยาลัย เพียงแต่เป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโทและเอกเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ คนที่จะเรียนที่นี้จะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมาก่อน นอกจากนั้นเมื่อหลายปีก่อน เราก็มักจะได้ยินคำว่า "สถาบันราชภัฏ" ซึ่งเป็นวิทยาลัยครูมาก่อน แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว และ "สถาบันเทคโนโลยี" เช่น สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ปัจจุบันก็ปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีต่างๆ ๙ แห่ง อย่างไรก็ดี ก็ยังดีที่มี "วิทยาลัย" ปรับเปลี่ยนมาเป็น "สถาบัน" คือ สถาบันพลศึกษาในปัจจุบัน หรือ สถาบันอาชีวศึกษา ที่ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีเช่นกัน

ครับที่กล่าวว่า ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับหัวข้อชื่อเรื่องเลย แต่ต้องเกี่ยวครับ เพราะ ทุกสถาบันหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบัน จะต้องสอนหรือบอกนักเรียน นักศึกษาให้รู้จักการพูดที่ดี เมื่อตอนเป็นเด็ก คุณพ่อคุณแม่ก็อยากจะได้ยินคำพูดของลูกว่าจะพูดคำว่าอะไรก่อน เมื่อได้ยินก็ดีใจ แต่พอลูกๆ โตขึ้น ลูกคนใดพูดมาก คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะรำคาญก็ได้ กระบวนการพูดผู้เขียนเข้าใจว่าทุกท่านจะต้องทราบดีรู้ดีว่ากว่าเราจะพูดอะไรออกมานั้น จะต้องเกิดจากจิตความคิดที่สั่งผ่านสมองโดยขั้นตอนที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ซึ่งที่เรียกว่า "นึกอะไรก็พูดอย่างนั้น" หลายๆ ท่านเมื่อตอนเป็นเด็กไม่ค่อยจะพูด และพอโตขึ้นกลับพูดมาก และตรงกันข้ามกับบางท่านที่ตอนเด็กๆ พูดมาก ตอนโตขึ้นมาอาจจะเบื่อการพูดเลยไม่ค่อยพูด (อันนี้ไม่รู้ว่าจะมีมากหรือเปล่า) การพูดเป็นสิ่งที่เป็นนายของเรา เมื่อพูดออกจากปากของเรา เราก็จะต้องรับผิดชอบคำพูดดังกล่าว เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การพูดเป็นการแสดงเจตนาที่ออกมาจิตผ่านสมองผ่านกล่องเสียงออกมา นั้นย่อมแสดงว่า การพูดเป็นกระบวนการเป็นระบบที่ผ่านไตร่ตรอง (จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับการมีสติของแต่ละท่าน) หลายๆ ครั้งเราทุกคนจะได้ยินการถอนคำพูด ซึ่งเกิดอยู่ที่สถาบันที่เรียกว่า "รัฐสภา" ที่ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายเวลาอภิปรายแล้วเกิดการประท้วงกันมากมายจนจะต้องมี "การถอนคำพูด"

สำหรับการพูดสามารถที่จะพัฒนาการพูดได้ สามารถที่จะเรียนการพูดได้ มีหลายหน่วยงานหลายๆ สถาบันได้เปิดอบรมการพูดในลักษณะต่างๆ มากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการพูด (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามแต่) ผู้พูดควรจะต้องมีข้อมูลข้อเท็จจริงกับเรื่องนั้นที่จะพูด หากยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ก็ควรจะต้องค้นคว้าสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด เพราะเมื่อไรที่เราพูดโดยบอกว่า "ก็ไม่รู้เหมือนกันเห็นมีคนเขาบอกมา" การพูดดังกล่าว ก็ไม่อาจจะเรียกว่าการพูดที่ดี แล้วการพูดที่เรียกว่า "พูดดี" จะวัดกันอย่างไร แน่นอนครับก็ต้องวัดจากผู้ฟัง ว่าเมื่อฟังการพูดดังกล่าวแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

ที่นี้ "การพูดดีเป็นศรีแก่โลกของเรา" เป็นอย่าไร คำว่า "ดี" ผู้เขียนคงจะไม่กล่าวถึงมากมาย เพราะเชื่อว่าทุกท่านทราบดีว่า "ดี" เป็นอย่างไร สำหรับ "ศรี" ก็อาจจะหมายถึง การเป็นสิริมงคล การมีโชคลาภบารมี การมีทรัพย์สินเงินทอง การอยู่เย็นเป็นสุข (อันนี้ผู้เขียนก็ขอออกตัวเช่นกันว่าไม่รู้เกี่ยว "ศรี" มาก แต่ตัวของผู้เขียนเองก็มี "ศรี" ตั้งแต่จำความได้เช่นกัน) ครับ อย่างที่ได้กล่าวข้างต้นว่า พูดที่ดี คือ การมีข้อมูลข้อความจริงครบถ้วนที่เป็นหลักฐานได้ รู้โดยที่เราสืบค้นค้นคว้าในเรื่องที่จะพูดออกมาอย่างที่แน่ชัดแล้ว และประการสำคัญ คือ การพูดดังกล่าวจะต้องไม่ใส่ความรู้สึกอารมณ์ที่จะก็ให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้อื่นๆ หรือที่เรียกว่ามีเจตนาดี พูดอย่างมีสติ พูดอย่างสร้างสรรค์ ดังนั้น การพูดที่ดี จะต้องออกมาจากจิตที่ดี จิตที่บริสุทธิ์ จิตที่ไม่คิดร้าย (คิดแต่เรื่องดีๆ ) เจตนาที่ดีต่อผู้คนที่จะได้ยิน ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราพูดดีแล้วย่อมจะเกิดเป็นศรีต่อทุกคน (รวมทั้งตัวเราเองด้วย) เมื่อเกิดเป็นศรีต่อทุกคน สิ่งที่ตามมาคือ โลกใบนี้ของเราสังคมของเราจะมีแต่ความสุข เพราะทุกคนต่างๆ พูดในสิ่งที่เป็นข้อมูลจริงข้อเท็จจริงมีเจตนาที่ดีมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ทุกคนก็จะมีความสุขจากการพูดและมีความสุขจากการได้ยินคำพูดที่ดีๆ

สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเคยได้รับการสั่งสอนจาก ฯพณฯ องคมนตรี (ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย) คือ เมื่อเริ่มจะพูดที่ดี จะต้องมีสติและพยายามยิ้มก่อนที่จะพูดให้ได้ โดยการยิ้มที่ว่าจะต้องยิ้มมาจากจิตที่ต้องการยิ้มจริงๆ ด้วยเหตุนี้ หากสังคมไทยของเราไม่ว่าจะเป็นสถาบันระดับใด (เริ่มจากครอบครัว โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด หรือหน่วยงานราชการต่างๆ) จะเริ่มพูดดีๆ ต่อกัน ผู้เขียนเชื่อว่า จะเป็น "ศรี" แก่ประเทศไทยของเรา แล้วเมื่อนั้นเราทุกคนก็คงจะมีแต่ความสุขนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น