วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

Social Enterprise ณ เชียงใหม่ แล้วเกี่ยวอะไรที่อุบลฯ

ชื่อเรื่องของวันนี้ (๑ กันยายน ๒๕๕๗) คือ "Social Enterprise ณ เชียงใหม่ แล้วเกี่ยวอะไรที่อุบลฯ"

ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขอขอบพระคุณคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีที่ได้อนุมัติให้ผู้เขียนได้เข้าร่วมประชุม 
เรื่อง  "University Engagement and Social Enterprise: Experiences from the UK and Thailand”  ณ จังหวัดเชียงใหม่ (ซึ่งสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Link ต่อไปนี้ "Social Enterprise กับ มหาวิทยาลัย" )

โดยที่ Social Enterprise กิจการเพื่อสังคม ผู้เขียนขอนำเสนอในลักษณะ ๓ธ เพื่อให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นแนวทางในการดำเนินกิจการเพื่อสังคม

ธรรมชาติ  - อุทยาน
                 - เขื่อน ป่าไม้ แม่น้ำ

ธรรมะ - วัด 

ธรรม   - ศิลปวัฒนธรรม
           - โรงเรียนกับธรรม(ชาติ)

        โดยที่เชียงใหม่เกี่ยวกับ "ธรรมชาติ" ได้มีสิ่งที่น่าดีใจเป็นอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานโครงการดีๆ ที่เรียกว่า "ศูนย์ศึกษาาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร์"  (Click ที่ Link ของศูนย์สามารถดูรูปภาพจาก FB ได้ครับ)  ทั้งนี้ หากว่ามหาวิทายลัยอุบลราชธานีจะช่วยสังคมในพื้นที่จังหวัดอุบลฯ ผู้เขียนคิดว่าสามารถจะดำเนินการได้เช่นกัน เช่น จัดทำ "โครงการรักป่า" โดยให้เยาวชนเข้าไปเรียนรู้ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ ม.อุบลฯ ทำหน้าที่ประสานกับภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อทำให้เกิดโครงการดังกล่าว ทำให้เยาวชนนักเรียนได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับ "ป่าไม้"  สำหรับ "เขื่อน" ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่สำคัญ ที่เชียงใหม่มี "อุทยานแห่งชาติศรีลานนา : เขื่อนแม่งัด(Click ที่ Link ของอุทยานฯ สามารถดูรูปภาพจาก FB ได้ครับ) ซึ่งแน่นอนว่า ที่อุบลฯ หาก ม.อุบลฯ ได้มีกิจกรรมเกี่ยวกับอุทยานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดอุบลฯ โดยให้นักศึกษามีส่วนร่วมเข้าไปดูแลรักษาอุทยาน แม่น้ำ เช่น เขื่อนปากมูล เขื่อนสิรินธร แม่น้ำมูล แม่น้ำโขง เป็นต้น 

ที่นี้มาเรื่องของ "ธรรมะ" ต้องยอมรับว่าเชียงใหม่เป็นพื้นที่อารยธรรมมาแต่โบราณนานมาแล้ว อายุเมืองเชียงใหม่ ๗๐๐ กว่าปี ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีประวัติศาสตร์มานานเช่นกัน  "ธรรมะ" กับวัดวาอารามต่างๆ ของเชียงใหม่ต้องขอบอกว่า "เป็นแห่งธรรมะ" อย่างแท้จริง และเกี่ยวข้องกับจังหวัดอุบลราชธานีอย่างไร  สิ่งที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปสัมผัสมาคือ วัดบางวัดบางแห่ง มีรูปปั้น "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีภูมิถิ่นกำเนิดที่อุบลราชธานี้ โดยวัดต่้อไปนี้ มีรูปปั่นของหลวงปู่ เช่น 







จะเห็นว่านั้นเป็นตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นเองที่เป็นเรื่องของ "ธรรมะ" ที่เป็นความเกี่ยวข้องระหว่างเชียงใหม่กับอุบลราชธานี นอกจากนั้น เชียงใหม่มีวัดวาอารามอื่นๆ อีกมากมายที่มีความสวยสดงดงามอย่างยิ่ง 





(ทั้งนี้ เพียง Click ไปที่ชื่อวัดสามารถที่ชมรูปภาพใน Facebook ได้) 

นอกจากนั้น มีวัดที่มีความเชื่อมโยงระหว่างเชียงใหม่กับลำพูน คือ 

และ 
วัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่


ดังนั้น Social Enterprise ที่อุบลฯ ผู้เขียนคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาวิทยาอุบลราชธานี จะได้จัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับ "วัด" ต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี ในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมเพื่อให้ประชาชนทั้งในและนอกจังหวัดอุบลราชธานีได้เข้าถึง "วัด" ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยในรูปแบบต่างๆ (อ่านเรื่องราว ๓ พระอรหันต์ ณ หนองขอน

เกี่ยวกับ "ธรรม"   ที่ว่าด้วย "ศิลปวัฒนธรรม" และ "โรงเรียนกับธรรม(ชาติ)" ที่เชียงใหม่ เทศบาลนครฯ ได้ดำเนินโครงการ "หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่" นับได้ว่ามีวิสัยทัศน์ที่สุดยอด เพื่อเป็นแห่งรวบรวมสิ่งล้ำค่าของจังหวัดเชียงใหม่ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม นอกจากนั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ดำเนินโครงการดีๆ คือ "พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์"   ทั้งนี้ ที่อุบลฯ หากว่ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะได้กรุณาดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอันจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ก็น่าจะสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "อาคารโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช" หลังเก่า (บริเวณศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เก่า) ซึ่งอาจจะดำเนิการในลักษณะดังนี้



(ต้อง Click อ่านตาม Link นะครับ แล้วจะได้ข้อมูลที่น่าสนใจ) 


สำหรับเรื่องของโรงเรียนกับธรรมชาติ นั้น ที่เชียงใหม่มีโรงเรียนที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง โดยโรงเรียนดังกล่าวอยู่ในบริเวณพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ เชียงใหม่ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โรงเรียนมีชื่อว่า "โรงเรียนเพื่อชีวิตเชียงใหม่




ดังนั้น หากที่อุบลฯ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จะได้มีโครงการไปช่วยเหลือโรงเรียนเพื่อชีวิตอย่างที่เชียงใหม่ นับว่าจะเป็นการดีอย่างยิ่ง เนื่องจากจะสอดรับกับ "โครงการดีๆๆ ที่เราต้องสนับสนุน" (ต้อง Click อ่านนะครับถึงจะรู้) 

ครับ ที่กล่าวมาตามข้างต้นป็นการนำเสนอในความคิดของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องของ "Social Enterprise" ณ เชียงใหม่ ภายใต้ ๓ ธ. เพื่อจะได้เป็นแนวทางสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้พิจารณาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ในการดำเนินงานเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุดต่อไปในอนาคต 

อจต.
๑ กันยายน ๒๕๕๗ 


Social Enterprise สิ่งยิ่งใหญ่เพื่อสังคม
ทำได้น่าชื่นชม น่าเหมาะสมกับเมืองไทย

สังคมธรรมชาติ ประเทศชาติต้องสนใจ
ธรรมะต้องเข้าใจ ต้องใส่ใจในโรงเรียน

ส่วนวัฒนธรรม น้อมจดจำเพื่อรู้เรียน
สมัยกาลล่วงเปลี่ยน ต้องหมั่นเพียรรักษาไว้

รักษาพร้อมประสาน อุทยานและป่าไม้
โรงเรียนที่ห่างไกล มีน้ำใจมาช่วยกัน

ทุกอย่างต้องศรัทธา เสริมคุณค่าเชื่อมหากัน
สังคมจะสร้างสรรค์ สัมพันธ์กันอย่างดีเอย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น