วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ม.ม้า ม.แม่

วันนี้ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างน้อมถวายความจงรักภักดี ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าราชินีฯ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

โดยเมื่อเช้าของวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการลงนามถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าราชินีฯ ร่วมกันหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดอุบลราชธานี และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาไปห้างสรรพสินค้าต่างๆ จนถึงเที่ยงวัน ทำให้ผู้เขียนได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับ “วันแม่” มีแม่ลูกคู่หนึ่งที่แต่งกายเหมือนกันทุกอย่างตั้งแต่ทรงผม เสื้อผ้า กระโปรง รองเท้า ทำให้รู้สึกแม่และลูกคู่นั้นมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก และทั้งคู่เวลาเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข และมีอีกส่วนที่ผู้เขียนได้เห็นคือ มากันทั้งยาย แม่ และ ลูก ชวนกันไปรับประทานอาหารกลางวัน รู้สึกว่าสังคมไทยของเรามีความอบอุ่นเป็นอย่างมากมีความผูกพันทั้งรุ่นยาย รุ่มแม่ รุ่นลูก ทำให้ผู้เขียนมีความรู้สึกว่า ทำไมตัวเราไม่เคยจะทำแบบนี้ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะผู้เขียนไม่เคยเห็นหน้าคุณยายเลย และใช้ชีวิตอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรครับ พระคุณของคุณแม่นั้นยังตราตรึงอยู่ในจิตใจทุกห้วงเวลา

คำว่า “แม่” นั้น เป็นแหล่งกำเนิด เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เป็นประโยชน์มหาศาล มีพละกำลัง มีอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งคำว่า “แม่” ถูกนำไปใช้นำหน้านามหรือสิ่งต่างๆ ที่ระบุถึงสิ่งที่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เช่น

- ใช้นำหน้า “น้ำ” กลายเป็น “แม่น้ำ” คือ แหล่งให้กำหนดน้ำที่หล่อเลี้ยงมนุษยชาติในประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้

- ใช้นำหน้า “ทัพ” กลายเป็น “แม่ทัพ” คือ ผู้กล้า ผู้ที่มีสติปัญญา ผู้นำ ในการออกศึกเพื่อป้องกันประเทศชาติให้รอดพ้นจากผู้รุกราน

- ใช้นำหน้า “สี” กลายเป็น “แม่สี” คือ สีที่เป็นแหล่งกำหนดของสีต่างๆ กล่าวคือ แม่สีประกอบด้วยสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน เป็นบ่อเกิดของสีต่างๆ มากมาย เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมายเช่นกัน

- ใช้นำหน้า “คุณ” กลายเป็น “แม่คุณ” คือ หญิงอันเป็นที่รักยิ่งของชายให้ความเคารพนับถือ (อันนี้ผู้เขียนคิดเองนะครับ)

- ใช้นำหน้า “พิมพ์” กลายเป็น “แม่พิมพ์” คือ ผู้ให้ความรู้สั่งสอนเราให้ได้แต่สิ่งดีๆ สำหรับการดำรงชีวิต ซึ่งก็คือ “ครู” ผู้สอนเรานั้นเอง

- ใช้นำหน้า “ครัว” กลายเป็น “แม่ครัว” คือ ผู้ที่ประกอบอาหารให้เราได้รับประทานเป็นอย่างดี

นอกจากนั้น คำว่า “แม่” ใช้นำหน้าคำอื่นๆ อีกมากมาย เช่น แม่โพสพ แม่พระธรณี แม่ย่านาง แม่นม เป็นต้น แต่บางครั้งคำว่า “แม่” ก็ยังสามารถนำไปใช้ชีวิตประจำวัน เช่น แม่ยก แม่สื่อแม่ชัก แม่เลี้ยง

ท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่านครับ คำว่า “แม่” นั้น ยิ่งใหญ่มหาศาลเกินที่เราทุกคนจะคณานับได้ และยิ่งเป็นที่น่าแปลกใจประหลาดใจเป็นอย่างมาก คือ ทุกชนชาติ ล้วนเอยคำที่เรียกผู้ที่ให้กำเนิดเกิดเรามานั้น ด้วยคำที่มี “ม.ม้า” ล้วนแทบทั้งสิ้น กล่าวคือ ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ สหรัฐ จะเรียกผู้ที่ให้กำเนิดว่า “MOM หรือ MAM” คนเอเชียจีน จะเรียกว่า “ม๊ะ ม่า หรือ ม่ามี้” สำหรับคนไทยทุกคนก็เรียกว่า “แม่” ซึ่งจะเห็นว่าล้วนใช้ตัว ม.ม้า กันเกือบทุกส่วนในโลกใบนี้ เรื่องนี้แหละที่ทำให้ผู้เขียนประหลาดใจและคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ภาษาไทยพยัญชนะของไทยเรา ทำไมถึงเรียก “ม.” ว่า “ม.ม้า” ทำไมเราไม่เปลี่ยนมาเป็นเรียกว่า “ม.แม่” ที่เป็นอย่างนี้ ผู้เขียนคิดว่าเราทุกคนที่เกิดมาล้วนเกิดได้ก็เพราะแม่ และเราจะระลึกถึงแม่อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามแต่

ไม่เป็นไรครับ ผู้เขียนเพียงแต่ขอเสนอความคิดเห็นส่วนตัวเพียงเท่านั้น เพราะอย่างไรก็ตามแต่ “ม.แม่” สำหรับผู้เขียนแล้วไม่มีสิ่งใดที่ทดแทนได้ พระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิดผู้เขียนก็ไม่รู้ว่าจะทดแทนอย่างไร ได้เพียงแต่พยายามทำตัวเองให้ดี ทำดีเพื่อส่วนร่วมเท่าที่จะทำได้ตามโอกาสและศักยภาพของตัวเราเอง ผู้อ่านหลายๆ ท่านที่มีคุณแม่อยู่ด้วยท่านก็คงจะทำหน้าที่ที่ดีของท่านในฐานะของลูก ส่วนท่านใดที่เป็นคุณแม่ก็คงทำหน้าที่ของตัวท่านให้ดีที่สุด ผู้เขียนไม่โอกาสอย่างหลายๆ ท่าน คุณแม่ของผู้เขียนได้จากโลกใบนี้นานแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ผู้เขียนและคุณแม่ของผู้เขียน สิ่งที่ที่เหมือนกัน นั้น คือ มี “ม.แม่” ด้วยกัน เพราะชื่อของคุณแม่ผู้เขียนมีชื่อว่า “มะลิ” ส่วนผู้เขียนก็มี “ม.แม่” คือ ชื่อว่า “มนูญ”

ดังนั้น เนื่องในโอกาสวันนี้เป็นวันแม่ ขอให้แม่ทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นแม่ที่ดีของลูกๆ และสุดท้ายอยากจะเชิญชวนทุกท่าน มาเรียก “ม.ม้า” เป็น “ม.แม่” เพื่อเราทุกคนจะได้ระลึกถึงพระคุณของ “แม่” อยู่ตลอดเวลา

อ้างอิงเพิ่มเติม "ที่นี้"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น