วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เล็ก แต่ ดี

หลายสิ่งในโลกใบนี้เขาสร้างให้เป็นคู่ (หมายถึง มีสองสิ่งอาจจะเหมือนกันหรือตรงกันข้าม) ขาวคู่กับดำ สูงคู่กับเตี้ย (ต่ำ) อ้วนคู่กับผอม ยาวคู่กับสั้น และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่วันนี้ ผู้เขียนอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ "เล็ก" หลายๆ ท่านคงจะทราบกันดีว่า "เล็ก" อาจจะคู่กับใหญ่ และหลายท่านเช่นกันอาจจะบอกว่า "เล็ก" เป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดงานต่างๆ แล้วละก็มักจะกล่าวกันว่าจะต้องจัดให้ "ใหญ่ๆ" และ "ยิ่งใหญ่" เอาเข้าไว้ จะเป็นเหตุผลประการใดก็ตามแต่ ผู้เขียนไม่ขอเข้าไปเกี่ยวข้องจะดีกว่าทุกท่านอาจจะลืมไปว่า ที่เราเกิดมานั้นล้วนแต่เริ่มต้นมาจากสิ่งที่เรียกว่า "เล็กๆ" ทั้งนั้น เริ่มจากหนุ่มสาว (ที่เป็นคู่กัน) เริ่มรักกันชอบกันจากสิ่งเล็กๆ เป็นตัวเริ่มต้น แล้วก็ตัดสินใจใช้ขีวิตสมรสกัน จนในที่สุดก็มีสิ่ง "เล็กๆ" เริ่มก่อตัวในท้องของเจ้าสาวและกลายเป็นคุณแม่ในที่สุด ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของเราทุกคนนั้นอย่างที่กล่าวแล้วนั้น เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ทั้งนั้น แล้วจะไม่ให้ผู้เขียนเขียนถึงเรื่อง "เล็ก" ได้อย่างไรกัน

ก็อย่างที่พระพุทธองค์ได้สั่งสอนเราไว้หลายพันปีแล้วว่า ทุกสิ่งล้วนเกิดดับอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างหากกล่าวลงย่อยให้เล็กๆ จะเห็นว่ามันไม่มีอะไรเลย (หากเราลองพินิจพิจารณาให้ดี) ที่กล่าวอย่างนี้ เพราะวันนี้ (๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔) เป็นวันพระใหญ่ วันอาสาฬหบูชา ที่เราทุกคนชาวพุทธควรจะกลับมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง "เล็ก" ที่อยู่จิตใจของเรา หากเราไม่สนใจเรื่องเล็กในจิตใจของเรา ปล่อยไว้มัน มันจะขยายตัวเป็นเรื่องใหญ่ เราจะต้องพิจารณาให้มันเล็กลงไปเรื่อยๆ จนดับสูญไปให้ได้ (ผู้เขียนก็ทำไม่ได้เหมือนกัน "ดีแต่พูด")

กลับมาสู่โลกความจริงในปัจจุบัน "เล๊ก" อาจถูกใช้สำหรับการเรียกชื่อของลูกๆ คนสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง เราจะเห็นว่ามีพี่ๆ เพื่อน น้องๆ ที่ชื่อ "เล็ก" มากมาย แต่หลายๆ ท่านที่ชื่อ "เล็ก" ก็ไม่ได้เล็กตามชื่อ หลายๆ ท่านมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ มีความยิ่งใหญ่ในการเรียนในการทำงาน ดังนั้น ผู้เขียนก็เลยอยากจะขอให้กำลังใจคนชื่อ "เล็ก" ถึงแม้ท่านจะเล็ก แต่ท่านก็เป็นบุคคลที่ทำให้คนชื่อ "ใหญ่" บางคนยังทำไม่ได้เหมือนท่านเลย ด้วยเหตุนี้ จะกลายเป็นว่า "เล็ก แต่ ดี" และขอให้กำลังใจเอาใจช่วยให้คนชื่อ "เล็ก" ได้ประสบความสำเร็จในการทำเรื่องที่ตรงกันข้ามกับชื่อของท่าน คือ ประสบความสำเร็จในเรื่องที่ "ใหญ่ๆ และ ยิ่งใหญ่" ในทุกเรื่องที่ท่านได้ตั้งใจจะทำ


สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ หากเราไม่ทำเรื่อง "เล็ก" ให้เป็นเรื่อง "ใหญ่" สังคมไทยของเราจะมีความสุขเป็นอย่างมาก เหมือนกันสภาพของประเทศไทยในปัจจุบันที่ผ่านพ้นการใช้สิทธิในการเลือกตั้งไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามแต่ หากทำเรื่อง "เล็ก" ให้เป็นเรื่อง "ใหญ่" มันอาจจะไม่ดี อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น ชีวิตของเราก็เหมือนกัน หากตัวเราทำเรื่อง "เล็ก" ให้เป็นเรื่อง "ใหญ่" ผู้เขียนเชื่อว่าตัวเราก็จะมีความทุกข์ไม่มีวันจบสิ้นอย่างแน่นอน

ครับในปัจจุบัน มีเรื่อง "เล็ก แต่ ดี" มากมายเหลือเกินจนผู้เขียนไม่สามารถนำมากล่าวในที่นี้ได้ แต่เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะมีเรื่อง "เล็ก แต่ ดี" ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของท่านมากมายหลายเรื่องเช่นกัน ก็ขอให้ท่านได้ช่วยกันคนละไม้คนมือช่วยสังคมไทยของเราช่วยประเทศไทยของเราให้มีแต่เรื่อง "เล็กๆ แต่ ดี" ให้มากมาย อย่าพยายามทำเรื่อง "เล็ก" ให้เป็นเรื่อง "ใหญ่" นะครับ แต่ถ้าหากจะทำเรื่องที่ "ใหญ่ และ ยิ่งใหญ่" ก็ควรพยายามกระทำด้วยจิตที่ ๓ ธรรม คือ ธรรมชาติ ธรรมะ และ ยุติธรรม แล้วเราจะทุกคนจะได้มีความสุขร่วมกัน

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สัน กับ เด็ก

พอย่างก้าวเข้าเดือนกรกฎาคมแล้วผู้เขียนมีความรู้สึกว่าแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะเราได้ทำงานมาแล้วครึ่งปี หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นเดือนที่จะเข้าพรรษาก็เป็นได้ แต่ก็ช่างมันเถอะครับ

อย่างไรก็ดี ตามที่ได้ตั้งหัวข้อหรือชื่อเรื่องไว้ว่า “สัน กับ เด็ก” เป็นชื่อเรื่องที่ผู้เขียนคิดได้เมื่อสักครู่นี้เอง เพราะมีนักศึกษาได้บอกว่าอาจารย์ลองเขียนเกี่ยวกับเรื่อง ด.เด็ก ผู้เขียนก็เลยใส่คำว่า “สัน” เข้าไปด้วยเพื่อจะได้ให้มีความหมายเพิ่มเติมขึ้นมา เพราะ “สัน” มีความหมายว่า “ตน” หรือ “ตนเอง” หรือ “ตัวเอง” เพื่อจะพยายามให้เข้ากับ ด. เด็ก ให้ได้ เหตุผลก็เนื่องจาก เด็กโดยส่วนมากมักจะเห็นประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ตั้งแต่แรกเกิด (หากเราจำความได้) หากอยากจะได้อะไร พ่อแม่ตามใจ ตามใจ (เนื้อหาเหมือนกับเพลงของวงคาราบาวเลยครับ) สำหรับเรื่องของ “สัน” ที่เป็น ตัวตน ตัวเอง หรือ เรียกง่ายๆ ว่า ตัวกู ของกู นั้น (ผู้เขียนเคยได้เขียนไว้ที่เรื่อง I my mine and me (มันเรื่องของฉัน ของเรา ของผม หรือของกู) ) นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากหากว่าเราทุกคนรู้ตัวของเราเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจะทำให้เราเข้าใจว่าตัวของเราเป็นอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เมื่อ “สัน” ตัวของเรารู้ตัวของเราดีแล้ว ต่อไปเราอาจจะต้องมองหาสิ่งที่จะมาต่อจาก “สัน” ซึ่งอย่างที่ผู้เขียนได้เกริ่นนำไปแล้วว่า “สัน กับ เด็ก” จะเป็นอย่างไร

ด.เด็ก คำแรกที่จะต้องต่อจาก “สัน” คือ ด.เด็ก ที่เป็น “โดษ” จึงเป็น “สันโดษ” หมายถึง การที่ตัวตนเองมีความพอใจ พอดี พอเพียง กับสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการที่ได้อยู่ตัวคนเดียวตามลำพังโดยที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครในโลกใบนี้ ด้วยเหตุนี้ หลายๆ อย่างในชีวิตของเราทุกอาชีพเราสามารถที่จะ “สันโดษ” ได้ โดยที่พอใจ พอเพียงกับฐานะอาชีพของตนเอง พอใจพอเพียงในสิ่งที่ตนมีอยู่ ซึ่งมีตัวอย่างอยู่มากมายที่หลายๆ ท่านได้ใช้ชีวิตอย่าง “สันโดษ” ตามฐานะหน้าที่ของตนเอง (และที่สำคัญอย่างเข้าใจผิดว่า สันโดษ คือ การที่อยู่คนเดียวตามลำพัง นะครับ)

ค.เด็ก คำที่สองที่จะต้องต่อจาก “สัน” คือ ด.เด็ก ที่เป็น “ดาน” จึงเป็น “สันดาน” หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าคำๆ นี้ไม่สุภาพ ซึ่งจริงแล้วผู้เขียนก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อได้ทราบและรู้ว่า “สันดาน” หมายถึง พื้นฐานเดิมของจิตอุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด (โดยส่วนมากมักใช้ในทางไม่สู้จะดี และใช้เป็นคำด่า เช่น สันดานชั่ว เลวในสันดาน เป็นต้น) ด้วยเหตุนี้ เราทุกคนต่างก็มีสันดานคือเป็นเรื่องของจิตตัวเรามาตั้งแต่กำหนดว่าเป็นอย่างไร สันดานเป็นสิ่งที่เราทำให้เรารู้ว่าตัวเราเป็นอย่างไร เกิดการพัฒนาจิตของเราพัฒนานิสัยของเรา เพราะตัวนิสัยก็ย่อมจะต้องเกิดจากจิต หากจิตของเราเป็นจิตที่ดี สิ่งที่ตามมาก็ดี คือ นิสัยดี และก็จะกลายเป็นสันดานดีในที่สุด

ซึ่งจะเห็นว่าหากผู้ปกครองคุณพ่อคุณแม่ได้ให้ลูกๆ ของท่านได้เข้าใจเรื่องของ “สัน” กับ “เด็ก” ตั้งแต่วัยเยาว์แล้วละก็จะทำให้เด็กลูกๆ ของท่านกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพก้าวหน้าในการเรียนการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเป็นอย่างมากในสังคม

ดังนั้น หากเราทุกคนทำสันโดษให้เป็นสันดานของเราก็คงจะดีนะครับ เพราะเราจะได้กลายเป็นคนที่มี ๒ สัน หรือ สัน ๒