วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แก่ แล้วเห็น เห็นแล้ว ตัวใครตัวมัน

ชื่อเรื่องในวันนี้ จะเห็นว่าแปลกๆ เพราะมันเป็นอะไรกันแน่ ผู้เขียนก็คิดอยู่นานหลายรอบเหมือนกัน แต่ในที่สุด ก็คิดว่า จำเป็นจะต้องเขียน เรื่องนี้ครับ
แก่ ผู้เขียนหมายถึง ผู้ที่มีประสบการณ์มามาก อาจจะเป็นคนสูงอายุ อาจจะเป็นคนที่มีวุฒิการศึกษาที่สูง
แล้วเห็น ผู้เขียนหมายถึง เห็นในสิ่งที่ประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กร หน่วยงาน เห็นในสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องในเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา เห็นในสิ่งที่ไม่ดีในการทำงานปฏิบัติงาน ปฏิบัติตน
ตัวใครตัวมัน ผู้เขียนหมายถึง ไม่สนใจใครเลยนอกจากตัวเราเอง เอาตัวเองเป็นใหญ่เป็นสำคัญ ใครจะทำอะไรก็ตามเถอะตัวเราเองต้องมาก่อน
ดัวอย่างอาจจะมีให้เห็น เช่น อาจารย์ที่มีวุฒิปริญญาที่สูงและทำการสอนในระดับอุดมศึกษา ท่านดังกล่าวมีประสบการณ์เป็นอย่างมากในการสอนในการทำวิจัย ท่านทำการวิจัยเพื่อให้ตัวเองได้ตำแหน่งทางวิชาการติดตัวท่านที่สูงขึ้น แต่เวลามีงานของหน่วยงานในเรื่องต่างๆ ท่านมักจะบอกว่าไม่มีเวลา เวลาเพื่อนร่วมงานขอความช่วยเหลือในเรื่องใดๆ ท่านมักจะบอกว่า ท่านไม่รู้ ท่านมีงานอย่างอื่นๆ ที่จะต้องทำ หรือ เจ้าหน้าที่บางท่านในหน่วยงานเป็นผู้มีความรู้ประสบการณ์เป็นอย่างมาก มาทำงานตามเวลาราชการปกติ มา 08.30 น. กลับ 16.30 น.ชอบทำงานคนเดียวเพื่อให้ตัวเองได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ที่สำคัญคือ ไม่เคยช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน ไม่เคยช่วยเหลือหน่วยงานของตนเลย เวลาหน่วยงานมีงานพิเศษต้องการความช่วยเหลือ มักจะพูดว่าจะต้องดูแลครอบครัว จะต้องรีบกลับบ้านเพราะ ....สารพัด ที่จะเอามาอ้าง
เห็นแก่ตัว (หรือ เห็นแก่ตัวเอง เป็นการที่ไม่เห็นคนอื่นๆ ที่นี้) มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ซึ่งคนที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะมีลักษณะพิเศษหรือถูกเรียกว่า เห็นแก่ตัว เป็นคนเห็นแต่ตัว คือ เป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องของคนอื่นๆ ไม่ช่วยเหลือคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ คนเห็นแก่ตัว ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ นะครับ เพราะจะต้องมีลักษณะพิเศษ เอาประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ เอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นรอง ความเห็นแก่ตัว สามารถหมดหรือหายไปได้ง่ายโดยไม่ยาก เพียงแต่ตัวของเราบอกตัวเองอยู่เสมอว่า เราต้องช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่เดือดร้อนในเรื่องใดๆ ภายใต้ศักยภาพของเราที่มีอยู่ สำหรับเห็นแก่ตัว อาการดังกล่าวจะทำให้เรารู้สึกว่า ตัวเองจะต้องสำคัญ ตัวเองจะต้องได้อะไรที่คนอื่นเข้าไม่ได้ หรือ ตัวเองจะต้องทำอะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์เท่านั้น
จะเห็นว่าถ้าหากเราซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ มีวุฒิการศึกษาสูง เราต่างได้เห็นได้พบได้รับสิ่งที่ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ได้พบข้อบกพร่องในการปฏิบัติงาน ได้พบสิ่งที่ไม่ดีในเรื่องต่างๆ แต่เราไม่ได้นำความรู้ความสามารถประสบการณ์มาใช้ในการดำรงชีวิตการทำงานปฏิบัติในหน้าที่เลย ต่างทำตัวไม่สนใจใครเลยและยังทำตัวแบบตัวใครตัวมันที่ไม่ใส่ใจคนอื่นๆ รอบข้าง ดังนั้น ผู้เขียนคิดว่าหากใครเป็นอย่างที่กล่าวแล้ว ย่อมไม่มีใครรักใครสนใจใส่ใจ เป็นคนก็เป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ หรือ พูดง่ายๆ คือ เป็นคนที่ไร้ซึ่งประโยชน์ไร้คุณค่า
ด้วยเหตุดังกล่าว เราควรจะต้องฝึกปฏิบัติใช้จิตสั่งอย่างแน่วแน่อยู่ทุกเวลา ว่า เราต้องช่วยเหลือคนอื่นถ้าเราทำได้ ความเห็นแก่ตัว เป็นเรื่องที่คนในครอบครัว คนในองค์กรหน่วยงาน คนในสังคมไม่ต้องการ เพราะถ้าในครอบครัวของเรา หน่วยงานองค์กรของเรา สังคมประเทศไทยของเรามีแต่ความเห็นแก่ตัว (ตัวใครตัวมัน) แล้ว ครอบครัวของเรา องค์กรหน่วยงานของเรา สังคมไทยของเรา จะไม่มีความสุขเกิดขึ้น ดังนั้น เรามาช่วยกัน แก่ แล้วเห็น เห็นแล้ว ช่วยกันทำ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เห็นแก่ตัว ก็จะกลายเป็น เห็นแก่ตัวเองน้อยลง เห็นแก่สังคมจะมากขึ้น
มนูญ ศรีวิรัตน์



1 ความคิดเห็น:

  1. จากที่อ่านต้องเอาไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยรึป่าวครับ
    3อ. (มี1ตัวตอนท้าย) http://msrivirat.blogspot.com/2010/06/3.html

    เคยได้ยินคำพูดว่า

    วิธีดูคน

    ดูตอนที่เค้าหมดอำนาจ ว่ายังมี คนนับถือ ยกมือไหว้อยู่หรือป่าว?

    ตอนที่เค้าเริ่มรับอำนาจ แล้วเริ่มไร่คนเก่าทิ้งออกทั้งหมด

    ส่วนช่วงกลาง ไม่ต้องดู เพราะ วุ่นวายและดูยาก อาจจะดูไม่ออก

    ได้อ่านข้อความของอาจารย์แล้วก็คิดว่ายังมีคนอีกหลายรูปแบบแฮะปัจุบัน >.<

    ตอบลบ