วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "ต้นไม้พูดได้ ณ วัดหลวงปู่บุญมี โชติปาโล (วัดสระประสานสุข อุบลฯ)"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "ต้นไม้พูดได้ ณ วัดหลวงปู่บุญมี โชติปาโล (วัดสระประสานสุข อุบลฯ)"  โดยวันก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสไปที่วัดสระประสานสุข (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) ซึ่งช่วงเวลานี้มีการเตรียมพื้นที่เตรียมการงานพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่บุญมี โชติปาโล (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/LuangPuBoonmee) ได้เห็นต้นไม้ที่หน้าศาลาพระแก้วสององค์ (ซึ่งศาลาดังกล่าวเป็นกองเลขาฯ งานพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่บุญมี โชติปาโล) มีป้ายที่น่าสนใจ เลยลองเดินเข้าไปอ่าน และเห็นเป็นข้อความ ดังต่อไปนี้ 




"ผู้มีความสามารถควบคุมความโกรธไว้ได้เป็นผู้มีปัญญายอดเยี่ยม"

เป็นคติธรรมสั้นๆ แต่แฝงด้วยสิ่งดีๆ ที่คอยเตือนสติได้ ทั้งนี้ หากว่าคนเราลองฝึกปฏิบัติไว้ก็คงจะดีมิใช่น้อย ผู้เขียนก็ไม่มีอะไรที่จะเขียนต่อเนื่องจาก อ่านดูแล้วก็คิดว่าน่าจะใช่ตามนั้น เพราะเมื่อไหร่ที่เราโกรธแล้วเรามีสติและควบคุมความโกรธไว้ได้ ก็ย่อมจะเป็นผลดีต่อตัวเองและผู้อื่น (อันนี้ผู้เขียนคิดเอาเอง)  และเช่นเคยก่อนจากกัน ผู้เขียนขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ เพื่อท่านผู้อ่านจะได้กรุณาพิจารณาต่อไป ดังนี้ 

"ความโกรธ" คืออะไร  จะเป็นใครที่จะรู้
คงต้องลองโกรธดู แล้วจะรู้เป็นอย่างไร 

ความโกรธย่อมไม่ดี พลอยจะมีแต่ทุกข์ใจ
โกรธคือไม่พอใจ  หยุดอย่างไรทำไงดี

ความโกรธสร้างศัตรู จิตเฝ้าดูให้ดีดี
โกรธหยุดสุขชีวี เย็นฤดีสุขที่เรา

โกรธไปก็เท่านั้น ไม่สร้างสรรค์หากโกรธเขา
โกรธไปใจยิ่งเศร้า ไม่ทุเลาเขาจากลา

ควบคุมโกรธให้หยุด เยี่ยมที่สุดเกิดปัญญา
โกรธไปเสียเวลา ยิ้มเถิดนะจะดีเอย

ปภาวีร์ 
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

"เราตาดี หูดี เขาไม่ไปไหว้หรอกผีน่ะ
ถ้าพ่อแม่ของเราว่าเป็นผีนะ นี่จะมาอยู่กับเจ้า
แต่ก่อนเคยเป็นพ่อแม่เจ้า ทีนี้ก็ได้มาเกิดเป็นผี
อย่างนั้นเราก็ควรยกไว้ แต่นี่ ผีอะไรต่อผีอะไร
ไปเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าที่ เจ้าฐาน เจ้าภูมิ
พวกนี่บ้าไม่รู้เรื่อง บ้าอะไร บ้าอยากรวย
บ้าว่าเขาจะมาป้องกันเจ็บตายให้ได้
สิ่งเหล่านี้ป้องกันเจ็บตายไม่ได้หรอก
พระพุทธเจ้า ตรัสแล้วว่าเป็นของวุ่นวายอยู่ในโลก
ไม่ใช่เป็นของปัองกันตาย เหตุฉะนั้น
ท่านจึงหาทางหนีจากตาย
ท่านพ้นทางหนีจากตายแล้วก็คือ พระนิพพาน"
หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
วัดสระประสานสุข อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
***********
บุญมีตั้งแต่เกิด ช่างประเสริฐยิ่งหลวงปู่
เกิดมาธรรมเรียนรู้ เป็นพระครูผู้สูงส่ง

บุญมีเพราะทำบุญ เพื่อเกื้อหนุนบุญมั่นคง
มีบุญธรรมดำรง ใจประสงค์ทำความดี

หลวงปู่สอนทำบุญ เกิดพระคุณให้บุญมี
ชาติหน้าจะได้ดี ทำแต่ดีมุ่งนิพพาน

คำสอนของหลวงปู่ ต้องเรียนรู้และสืบสาน
มีบุญมหาศาล สู่นิพพานด้วยบุญเอย
***********
••• บารมีหลวงปู่บุญมี •••
ท่านหลวงปู่บุญมี บารมีมีเมตตา
พวกเรากราบบูชา เป็นบุญญาในชีวิต

หลวงปู่สอนธรรมะ บูชาพระน้อมดวงจิต
ธรรมะให้ใกล้ชิด เมตตาจิตต่อทุกคน

พวกเรามาช่วยกัน ร่วมสร้างสรรค์คนอุบลฯ
ร่วมกันอุทิศตน มากผู้คนสามัคคี

ทุกอย่างพร้อมจะเสร็จ จะสำเร็จเพราะความดี
ด้วยหลวงปู่บุญมี ผู้มากมีธรรมะเอย
***********
== วัดสระประสานสุข ==
วัดสระประสานสุข มีความสุขที่ได้มา
หลวงปู่ผู้บุญญา กราบบูชาน้อมดวงจิต

กราบหลวงปู่บุญมี บารมีอันศักดิ์สิทธิ์
พวกเราเหล่าลูกศิษย์ ตั้งน้อมจิตทำความดี

หลวงปู่สอนพระธรรม ตั้งใจทำบุญมากมี
มีบุญและบุญมี นำชีวีรอดพ้นภัย

หลวงปู่สร้างสรรค์เรือ เพื่อเอื้อเฟื้อสู่ภพใหม่
น้อมจิตให้เข้าใจ ว่าทำไมเรือสวยงาม

หลวงปู่สอนให้คิด ตั้งดวงจิตคิดดีงาม
พวกเราควรทำตาม ไม่ต้องถามว่าทำไม

วันนี้ขอเชิญชวน อย่าเรรวนในจิตใจ
ขอเชิญมาด้วยใจ จะสุขใจนิรันดร์เอย
******************
 ===> ท่านหลวงปู่บุญมี โชติปาโล < ===
ท่านหลวงปู่บุญมี บารมีแผ่ไพศาล
พระดีมีผลงาน ได้สืบสานศาสนา

หลวงปู่เป็นผู้ให้ ด้วยจิตใจที่เมตตา
คำสอนล้วนมีค่า ต้องนำพามาใส่ใจ

หลวงปู่สอนโดยทำ ให้น้อมธรรมอยู่ที่ใจ
ง่ายดายจำขึ้นใจ ธรรมสุขใจในคำสอน

บัดนี้ถึงเวลา พวกเรามาร่วมเหมือนก่อน
หลวงปู่จะนำพร ไม่นิ่งนอนมาร่วมกัน

พระราชทานเพลิงศพ มาน้อมนบทุกเขตขัณฑ์
หลายฝ่ายมาช่วยกัน เสกสร้างสรรค์เพื่อหลวงปู่

งานนี้จิตอาสา จิตนำพาพร้อมใจสู้
ทุกคนได้เรียนรู้ ท่านหลวงปู่ครูในธรรม

"บุญมี" คือหลวงปู่ โลกต่างรู้และจดจำ
ร่วมกันลงมือทำ จะพบธรรมสุขใจเอย
******************
====> ถวายหลวงปู่บุญมี <====
หลวงปู่ผู้มีบุญ สร้างพระคุณศาสนา
คำสอนทรงคุณค่า บุญนำพาสู่นิพพาน

ลูกศิษย์น้อมเคารพ มาพร้อมครบร่วมประสาน
พิธีพระราชทาน เริ่มก่อการสานยิ่งใหญ่

ตั้งใจเพื่อหลวงปู่ ร่วมเชิดชูด้วยหัวใจ
ลูกศิษย์ใกล้และไกล มาด้วยใจร่วมศรัทธา

งานนี้เพื่อหลวงปู่ ช่วยกันดูจิตอาสา
หลายสิ่งประสานมา ใช้ปัญญาสร้างสรรค์งาน

ลูกศิษย์ร่วมกันทำ จิตน้อมนำสร้างผลงาน
หลายท่านผู้เชี่ยวชาญ เก่งทุกด้านมาช่วยกัน

งานนี้บุญกุศล มาทุกคนจิตร่วมกัน
ทุกท่านพร้อมลงขัน มาพร้อมกันวันนี้เอย
******************

วัดสระประสานสุข (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) 
==================================
ร่วมสร้างเมรุเพื่อหลวงปู่บุญมี บุญมากมีพระดีศรีอุบล
เชิญมาร่วมทำบุญกันทุกคน บุญกุศลสร้างไว้ไม่เสียไป

พิธีพระราชทานเพลิงศพ กราบเคารพหลวงปู่ด้วยหัวใจ
คนอุบลรีบมาใกล้หรือไกล อยู่ที่ใดตามจิตคิดศรัทธา

ไหว้หลวงปู่มีบุญหนุนได้พร หลวงปู่สอนทำดีจิตนำพา
หาโอกาสครั้งหนึ่งเป็นบุญตา กราบวันทามาไหว้ใจสุขเอย
******************

วัดสระประสานสุข (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล)
===========================
ฌาปนสถาน ร่วมประสานงานยิ่งใหญ่
เตรียมงานด้วยจิตใจ มาร่วมใจเพื่อหลวงปู่

เตรียมงานในครั้งนี้ เป็นศักดิ์ศรีขอเชิดชู
น้อมจิตพร้อมใจสู้ ให้โลกรู้บ้านนาเมือง

วัดสระประสานสุข มีความสุขและรุ่งเรือง
รวมกันให้ลือเลื่อง มาเกี่ยวเนื่องร่วมทำบุญ

ขอเชิญบริจาค น้อยหรือมากพร้อมเกื้อหนุน
ต้องขอขอบพระคุณ ขอผลบุญหนุนได้ดี 

งานนี้เชิญร่วมใจ ใกล้และไกลให้มากมี
เพื่อหลวงปู่บุญมี ทุกฤดีมีสุขเอย
******************

พิธีวางศิลาฤกษ์ฌาปนสถาน (เมรุ)หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
======== < >========
พิธีวางศิลาฤกษ์ อันประเสริฐเพื่อหลวงปู่
ทุกคนต่างเชิดชู ดั่งที่รู้พระมีบุญ

พิธีเพื่อเริ่มต้น เกิดมงคลช่วยเกื้อหนุน
ทุกคนมาค้ำจุน เป็นพระคุณอย่างยิ่งใหญ่

พิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เกิดเดชฤทธิ์แผ่ไปไกล
ทุกคนมาด้วยใจ พร้อมน้ำใจช่วยเหลืองาน

พิธีหล่อมดวงจิต จะประสิทธิ์สร้างสรรค์งาน
ทุกคนร่วมก่อการ อีกไม่นานสมบูรณ์เอย
******************

==== สามัคคี ====
สามัคคีด้วยดวงจิต สร้างเดชฤทธิ์พลังมาก
ก่อสร้างที่ว่ายาก ต้องสามารถเกิดคุณค่า

สามัคคีร่วมพลัง เกิดกำลังร่วมศรัทธา
เมรุสร้างงดงามตา ทุกคนมาร่วมช่วยกัน

สามัคคีเกิดผลดี หลวงปู่บุญมีอรหันต์
ร่วมธรรมอย่างสร้างสรรค์ สุขทั่วกันยิ้มชื่นใจ

สามัคคีร่วมกันทำ ค่าสูงล้ำที่ยิ่งใหญ่
ทุกคนน้อมจิตใจ เพื่อมอบให้หลวงปู่เอย
******************

ร่วมทำบุญสร้างเมรุ
======== < >========
ร่วมทำบุญสร้างเมรุ เป็นกฎเกณฑ์ในเรื่องดี
ถวายหลวงปู่บุญมี สร้างสิ่งดีส่งเสริมธรรม

ร่วมทำได้มีบุญ เป็นพระคุณที่น้อมนำ
ทุกคนร่วมมือทำ ธรรมสูงล้ำนำสู่ตน

ร่วมทำได้บุญมี เสริมชีวีให้หลุดพ้น
ทำบุญสุขมากล้น มาทุกคนร่วมกันเอย

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "จากทางโลก เกิดใหม่ทางธรรม" “หนังสือ : เปิดตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ อาจารย์สอนกรรมฐาน พระเจ้าตาก”

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "จากทางโลก เกิดใหม่ทางธรรม" “หนังสือ : เปิดตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ อาจารย์สอนกรรมฐาน พระเจ้าตาก”

ธรรมะเพื่อชีวิต บทความนี้ ผู้เขียนขอบอกเลยว่าตั้งใจเขียนตอน “หนังสือ : เปิดตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ อาจารย์สอนกรรมฐาน พระเจ้าตาก (โดย ทิพยจักร)” อย่างยิ่ง เนื่องจากได้อ่าน หนังสือ : เปิดตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ อาจารย์สอนกรรมฐาน พระเจ้าตาก (โดย ทิพยจักร) แล้ว อยากจะเชิญชวนทุกท่านได้ลองหาซื้อหนังสือดังกล่าวมาอ่าน (อ่านหลายๆ รอบยิ่งดี ครับ)  ผู้เขียนจะขออนุญาตยกบางส่วนของหนังสือ (ซึ่งคงจะอนุญาตท่านทิพยจักร มา ณ โอกาสนี้  เพื่อจะได้เป็นธรรมทานแก่ญาติโยมพุทธศาสนิกชนต่อไป) 



หน้า ๔๔
“เรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าตากสินที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ (วัดอัมพวัน) ท่านสัมผัสนั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นประมาณ ปี ๒๕๒๗ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญท่านสามารถพบเห็นสมเด็จพระเจ้าตากสินและหลวงปู่เทพโลกอุดรด้วยตาเนื้อของท่านมิใช่เป็นความฝันหรือการเห็นในสมาธิ”

หน้า ๔๗
“สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงมักมานั่งกรรมฐานที่วัดอินทารามบางยี่เรือแห่งนี้โดยเป็นที่นัดหมายในการพบกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งบางครั้งก็มาในนิมิตและบางครั้งหลวงปู่ก็มากายเนื้อ การมาปรากฏของหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้น จะเห็นได้เฉพาะองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินเท่านั้น ส่วนทหารทั่วไปที่เฝ้าอยู่ไม่อาจเห็นได้ เพราะหลวงปู่เทพโลกอุดรมาด้วยความเป็นทิพย์ และท่านประสงค์ให้สมเด็จพระเจ้าตากสินเห็นแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น”

หน้า ๑๐๕ 
“การตัดสินใจของสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อเปลี่ยนจากการเป็นที่สุดของทางโลกเพื่อหาความเป็นที่สุดในทางธรรมนั้น น่าจะวิเคราะห์ได้ว่าพระองค์ทรงเล็งเห็นด้านนี้มานานพอสมควรและวางแผนอย่างเป็นระบบในการปลีกตนเองออกมาจากทางโลก การที่พระองค์จะปลีกตนเองจากทางโลกด้วยการขอลาบวชตรงๆ นั้น อาจจะเกิดปัญหาทางการเมือง ความวุ่นวายต่างๆ ทั้งการเมืองภายในและการเมืองระหว่างประเทศได้”

หน้า ๑๐๖ 
“สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงเป็นเหมือนผู้ที่เกิดใหม่ในร่างเดียวกัน ตามศัพท์ที่เรียกว่า ทวิชาชาติ คือ การเกิดใหม่ครั้งที่สอง ในความหมายของคำนี้ หมายถึงการละจากเพศฆราวาสเข้าสู่ความเป็นนักบวชและในความหมายที่ลึกกว่าคือ การตายจากปุถุชนแล้วขึ้นเป็นอริยบุคคล”

หน้า ๑๐๗ 
“การเลือกที่จะเล่นบทถูกประหารด้วยเหตุแห่งการวิปลาสจึงเหมาะควรที่สุดที่จะทำได้  และการเล่นบทตายก็ดีที่สุดสำหรับผู้ที่คิดหนีไปภาวนา เพื่อไม่ให้ใครรู้จักไม่ให้ใครติดตาม เหตุการณ์ตามประวัติศาสตร์ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์จึงเป็นจุดหักเหในชีวิตของสมเด็จพระเจ้าตากสินที่สำคัญยิ่ง และเป็นเหตุการณ์ที่นำพระองค์ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ที่เขาขุนพนม (นครศรีธรรมราช)”

หน้า ๑๐๘ 
“พระองค์ได้เกิดใหม่ที่เขาขุนพนมแต่การเกิดครั้งนี้คือการเกิดในทางธรรม อันเป็นหนทางที่พระองค์เดินไปเพียงผู้เดียวสมกับคำว่า เอกะมัคโควิสุทธิยา พระองค์ทรงค้นพบทางอันสงบ สงัด ทางอันสันโดษ อันเป็นหนทางที่พ้นจากเครื่องร้อยรัดทั้งหลายทั้งปวง เป็นหนทางที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่าเป็นทางแห่งนักปราชญ์โดยแท้ หนทางดังกล่าวนี้คือทางแห่งโลกอุดรที่พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง พ้นไปจากโลกธรรมทั้งปวง อันเป็นหนทางที่เราทุกคนควรดำเนินตามรอยบาทของพระองค์แม้ว่าจะยากเพียงใดแต่ก็เป็นหนทางอันประเสริฐอย่างยิ่ง”

หน้า ๑๒๑ 
“เป็นที่ทราบกันดีว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินนั้นทรงสนพระทัยในการทำกรรมฐานมาก กรรมฐานที่พระองค์ศึกษาเป็นเบื้องต้นหรือแม่แบบนั้นคือ  กรรมฐานที่เผยแพร่ในยุคสุโขทัย จนถึงอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น นั้น เรียกกันว่า  กรรมฐานมัชฌิมา  ตามลำดับ กรรมฐานนี้ไทยรับมากจากลังกา เป็นกรรมฐานแม่แบบที่นิยมร่ำเรียนกันมาแต่โบราณ โดยกรรมฐานนี้จะเริ่มเรียนจาก การเข้าสมาธิเพื่อให้จิตเข้าถึงสภาวธรรมที่เรียกว่า พระปีติ ทั้ง ๕ เป็นเบื้องต้น เพื่อให้ปีตินั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจทำให้มีกำลังทำสมาธิชั้นสูงยิ่งๆ ขึ้น โดยปีติทั้ง ๕ นั้น ได้แก่  พระขุทกาปีติ คือ เมื่อเกิดปีติในใจแล้วน้ำตาไหลออกมา พระขณิกาปีติ เมื่อเกิดปีติในใจแล้วเกิดอาการดั่งแสงสว่างวาบขึ้นมา พระโอกันติกาปีติ เมื่อเกิดปีติในใจแล้วร่างกายเกิดไหวโคลงไปมาดั่งโดนลมพัด พระอุเพ็งคาปีติ หมายถึงเกิดปีติในใจแล้วตัวสั่นสะเทิ้ม  และ พระผรณาปีติ เมื่อเกิดปีติในใจขึ้นมาก็จะซาบซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างเกิดเป็นกระแสร้อนผ่าวบ้าง เย็นบ้างไปตามร่างกาย"
(ทั้งนี้  หน้า ๒๔๒ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านอธิบายไว้ว่าคนที่มีปีติทั้ง  ๕ ครบจะเป็นกลุ่มพุทธภูมิ  เคยอธิษฐานสร้างบารมีเพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป ส่วนผู้ที่ไม่ได้ปรารถนาทางพุทธภูมิมานั้นอาจพบปีติเพียงสองแบบเท่านั้น) 

หน้า ๑๓๘ 
“สมเด็จพระเจ้าตากสินนั้นท่านเข้าสมาบัติฌานครั้งหนึ่ง ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง จนครั้งสุดท้ายก่อนท่านดับขันธ์ ท่านเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๗ เดือนกับ ๗ วัน แล้วสิ้นลมในท่านั่งขัดสมาธิ สังขารไม่เน่าเปื่อย ภายในถ้ำเขาขุนพนม”

หน้า ๒๑๙ 
“เรื่องการศาสนานั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีภารกิจทางด้านนี้มาตั้งแต่สมัยเป็นกองทัพกู้ชาติ โดยเห็นได้จากหลายเหตุการณ์เช่นกัน เช่น การบทสวดมนต์พุทธชัยมงคลคาถาและสร้างพระยอดธง มีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้วก็ทรงเล็งเห็นว่า สงคราวกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น  แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วยการเจริญพาหุงมหากา จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ” 

หน้า ๒๔๑
“สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีดวงตาเห็นธรรม ปลงโลกปลงธรรม รู้แจ้งในพระไตรลักษณ์ จนสามารถวางโลกได้อย่างสิ้นเชิง แม้เมื่อพระองค์ยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกใบนี้ก็หาได้แปดเปื้อนกับโลกธรรม อันมีได้ลาภก็เสื่อมลาภ ได้ยศก็เสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา มีสุขก็มีทุกข์ โลกธรรมทั้ง ๘ หาได้แปดเปื้อนพระองค์ทั้งกายทั้งใจไม่ พระองค์ทรงดำรงอยู่อย่างเป็นผู้เหนือโลก เหนือความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงโดยสิ้นเชิง”

ดั่ง พระราชมโนปณิธานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช “อันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตาก”
“อันตัวพ่อชื่อพระยาตาก  ทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา
ถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา แด่ศาสนาสมณะพุทธโคดม
ให้ยืนยงคงถ้วนห้าพันปี สมณะพราหมณ์ชีปฏิบัติให้พอสม
เจริญสมถะวิปัสสนาพ่อชื่นชม ถวายบังคมแทบบาทพระศาสดา
คิดถึงพ่อพ่ออยู่คู่กันเจ้า ชาติของเราคงอยู่คู่พระศาสนา
พระพุทธศาสน์อยู่ยงคู่องค์กษัตรา พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน”

ครับ นั่นเป็นส่วนหนึ่งหนังสือ “เปิดตำนาน หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ อาจารย์สอนกรรมฐาน พระเจ้าตาก (โดย ทิพยจักร)” (จำนวน ๒๔๘ หน้า)  ผู้เขียนคิดว่าหนังสือดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่สนใจเกี่ยวกับ “พระเจ้าตากสินมหาราช และ “การปฏิบัติธรรมอันเป็นหนทางของการหลุดพ้น” และเช่นเคยเป็นธรรมเนียมที่ก่อนจากกัน ผู้เขียนขออนุญาตมอบกาพย์ยานี ๑๑ ให้ผู้อ่านได้กรุณาพิจารณา

สมเด็จพระเจ้าตากสิน กู้แผ่นดินเพื่อคนไทย
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ น้ำพระทัยใฝ่ในธรรม

กษัตริย์ผู้กล้าหาญ ทรงเชี่ยวชาญศึกผู้นำ
ทรงปฏิบัติธรรม เป็นประจำเพื่อได้พร

พบพระผู้ทรงเดช หลวงปู่เทพโลกอุดร
ใจธรรมอย่างถาวร พร้อมจากจรไม่กลับมา

ทรงเห็นแก่บ้านเมือง ความรุ่งเรืองชาวประชา
พบธรรมอันล้ำค่า พระราชาของคนไทย

พระองค์จิตเด็ดเดี่ยว ไม่ข้องเกี่ยวโลกต่อไป
นำธรรมมาสู่ใจ สุขยิ่งใหญ่ตลอดกาล

พระองค์ทรงหลุดพ้น บุญกุศลมหาศาล
คนไทยจิตประสาน ดลบันดาลท่านคุ้มครอง

พนมกราบเทิดทูน ผู้ทรงคุณไทยทั้งผอง
ธรรมะเป็นครรลอง ขอยกย่องพระองค์เอย

ปภาวีร์ 
๓๑ มกราคม ๒๕๕๘


หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่องพระเจ้าตากสินมหาราช
พระเจ้าตากสินมหาราช จาก หลวงพ่อจรัญ

จากทางโลกเกิดใหม่ในทางธรรม 
สิ้นสุดกรรมทางโลกเพื่อหลุดพ้น
ทางธรรมใหม่สุขใจไม่หมองหม่น 
ไปทุกคนยิ่งดีมีความสุข


โลกวุ่นวายตายไปเพื่อพบธรรม 
จิตน้อมนำธรรมะทางพ้นทุกข์
อันทางโลกบางครั้งอาจสนุก  
สุขและทุกข์ปนกันมันอย่างนี้


ต้องตัดใจให้จริงยิ่งสิ้นสุด 
พร้อมจะหยุดให้ได้ในโลกนี้
ตั้งจิตหมั่นมั่นใจไปย่อมดี 
สุขฤดีมีสุขทุกข์หมดลง


ชดใช้กรรมนำใจให้น้อมรับ 
ใจพร้อมปรับจับจิตคิดให้ปลง
นำธรรมะจะดีจิตมั่นคง 
ธรรมดำรงคงอยู่คู่จิตเอย











วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "บารมีเหนือโลก หลวงปู่เทพโลกอุดร"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "บารมีเหนือโลก หลวงปู่เทพโลกอุดร" หลายวันก่อนรุ่นพี่ของผู้เขียนได้ส่งข้อความมาว่า "ช่วยหาประวัติของหลวงปู่เทพโลกอุดร" ให้ด้วย ผู้เขียนยอมรับโดยตรงทันทีว่าไม่เคยได้ยินชื่อท่าน "หลวงปู่เทพโลกอุดร" เลยต้องสอบถามท่าน Google ทำให้ผู้เขียนต้องรีบไปหาหนังสือเกี่ยวกับท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร มาอ่าน ซึ่งก็โชคดีที่ได้มา ๑ เล่ม ดังนี้


หนังสือเล่มข้างต้นมีจำนวน ๒๐๖ หน้า ท่าน "ทิพยจักร" ได้เขียนเรียบเรียงได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผู้เขียนได้ทราบเกี่ยวกับท่านหลวงปู่เทพโลกอุดรขึ้นมาบ้าง (แต่ยังไม่มากสักเท่าไร ซึ่งจะพยายามค้นหาต่อไป) จะเห็นว่าหน้าปกของหนังสือมีภาพพระอริยสงฆ์ เช่น หลวงปู่ดู่ หลวงปู่สรวง หลวงพ่อจรัญ เป็นต้น (และในหนังสือหน้า ๙๑-๙๕ หลวงพ่อฤาษีลิงดำก็ได้กล่าวเกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดรเช่นกัน) ซึ่งพระอริยสงฆ์ดังกล่าวล้วนแต่ได้รับสิ่งดีๆ จากท่านหลวงปู่เทพโลกอุดรกันทั้งนั้น  (ถึงตอนนี้ สงสัยผู้อ่านคงจะต้องรีบไปหาซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านกันแล้วนะครับ) 

แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในหนังสือดังกล่าว ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นที่หน้า ๑๒๑ ดังนี้

ตัว พ.พานนี้ยังเป็นเครื่องหมายแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ คือตัวพระ คือตัวพอ ความพอ คือธรรมอันวิเศษ เหมือนครั้งที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณท่านได้กล่าวออกมา ว่า "พอ พอ แล้วเราไม่ต้องการใครเป็นครูอาจารย์เราแล้ว ผู้รู้จักพอคือเศรษฐี คือ ผู้ค้นพบความร่ำรวย ผิดกับผู้ที่ไม่รู้จักพอย่อมเป็นผู้ทุกข์อยู่กับการดิ้นรนแสวงหาเรื่อยไป"

ดังนั้น ธรรมะเพื่อชีวิตวันนี้ ผู้เขียนคิดว่า ชีวิตคนเราเมื่อไรที่มี "ตัว พ.พาน" คือ พอ ย่อมจะพอและมีความสุขอย่างยิ่ง และเช่นเคยเป็นธรรมเนียมที่ก่อนจากกัน ผู้เขียนขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้เพื่อพิจารณา ดังนี้

อันว่าตัวพอพาน ออประสานให้เป็นพอ
ชีวิตหากว่าพอ ไม่ต้องรออีกต่อไป

รู้จักให้พอดี เป็นเศรษฐีธรรมนำใจ
พอได้ย่อมสุขใจ พอหรือไม่ถามใจตน

พอแล้วคือสิ้นสุด พร้อมจะหยุดความเป็นคน
จากไปสุขกมล ก้าวหลุดพ้นความทุกข์ใจ

ไม่พอต้องดิ้นรน ทุกข์เหลือทนเศร้าฤทัย
แสวงหาเรื่อยไป แล้วเมื่อไหร่พอหยุดลง

พอดีมีความสุข สิ้นหมดทุกข์อย่างมั่นคง
พอดีมีด้วยปลง ใจดำรงนิพพานเอย


ปภาวีร์ 
๓๐ มกราคม ๒๕๕๘


วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ขาว อนาลโย"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ขาว อนาลโย"  สำหรับหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มีถิ่นกำเนิด ณ เมืองนักปราชญ จังหวัดอุบลราชธานี (สำหรับประวัติของท่าน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ , , ) แต่สิ่งที่ผู้เขียนจะขออนุญาตนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ได้อ่านจากหนังสือเล่มต่อไปนี้ "หลวงปู่ขาว อริยสงฆ์ผู้มั่นคงในศีลและเมตตา" (ผู้อ่านสามารถหาอ่านและซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์หรือร้านหนังสือทั่วไป) 



  โดยในหนังสือดังกล่าว ขอรับรองว่าเนื้อหาดีมากๆ  อย่างไรก็ดี สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนขอยกคติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ขาว อนาลโย จากหนังสือมาบางส่วน ดังนี้ 

หน้า ๓๔-๓๕ 
      "โลกเจริญตามความนิยมนั้้นมันเจริญด้วยความโลภ ความอยากได้ไม่มีอิ่มพอ เหมือนไฟได้เชื้อ ซึ่งสุดท้ายก็เผาตัวเองนั่นแล ก่อนอื่นเจริญด้วยความโกรธ ผูกอาฆาตมาดร้ายหมายจองเวร เจริญด้วยราคะตัณหาความคึกคะนองน้ำล้นฝั่งไม่มีความพอดีเป็นฝั่งเป็นฝาปิดกั้นไว้บ้างเลย เจริญด้วยความลุ่มหลงอันเป็นรากฐานแห่งความประมาท ไม่มีประมาณว่าจะรู้สึกเมื่อไร"

ผู้เขียนขออนุญาตเพิ่มเติม
โลกมีความเจริญ ต่างเพลิดเพลินความโลภมาก
ความโกรธผูกอาฆาต ความประมาทที่ลุ่มหลง

ไม่มีความพอดี ไม่มีดีอันมั่นคง
จองเวรโดยไม่ปลง เจริญลงเศร้าชีวี

ตัดอาฆาตและโกรธ ไร้ประโยชน์ในฤดี
จองเวรสิ้นเสียที รับรองดีกันทุกคน

ราคะและตัณหา อย่านำพาสู่กมล
ตัดหมดจะสุขล้น ย่อมหลุดพ้นไปดีเอย
ปภาวีร์

หน้า ๓๗ 
   "ดังนั้นชาวพุทธเราจงพยายามแก้สิ่งมัดตาของมันออก ด้วยการปฏิบัติจิตภาวนาเป็นสำคัญ ให้สติปัญญาเกิดภายในใจ จะพังม่านหรือกำแพงแห่งความืดบอดที่มันปิดไว้ออกได้โดยลำดับ จนหมดสิ้นไป มองเห็นบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานอย่างทะลุปรุโปร่งกระจ่างใจ หายสงสัยโดยไม่ต้องมีใครมาบอกแหละ หลังจากนั้นยังจะได้เห็นกลหลอกลวงของกิเลส วิชาต้มตุ๋นของกิเลสได้อย่างชัดเจนหายสงสัย" 

"จงเรียนและปฏิบัติให้ถึงใจ ถึงธรรม อย่ามั่วสุมอยู่ในห้องขังของกิเลส ให้มันกดขี่บังคับและร้องเพลงขับกล่อมให้เคลิ้มหลับไม่มีวันตื่นจากหลังจากหลงอยู่ร่ำไปนัก"

ผู้เขียนขออนุญาตเพิ่มเติม
กิเลสตามต้มตุ๋น ไม่มีทุนบุญกุศล
ชีวิตหลงดิ้นรน เกิดเป็นคนทุกข์ประจำ

ปฏิบัตให้ถึงใจ โดยใส่ใจในเรื่องธรรม
เคลิ้มหลับเป็นประจำ ดีไม่ทำหลงร่ำไป

ตั้งจิตภาวนา มีปัญญาเกิดภายใน
บาปสิ้นหมดกันไป กระจ่างใจสุขสำราญ

มองเห็นบาปนรก สิ่งหนักอกไม่เบิกบาน
มีธรรมใจประสาน ไปนิพพานให้ได้เอย
ปภาวีร์

หน้า ๖๐ 
หลวงปู่ขาว ได้แสดงธรรมเรื่องหลัก ๔ ประการของคนดีเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ สรุปความได้ว่า
๑. อนุฏฐนิ คือ การไม่โกรธตอบต่อบุคคลโกรธให้เรา
๒. อันนุภิทโธ คือ ความไม่ยินดีในเครื่องสักการะผู้อื่นที่ทำแล้วแก่เรา
๓. อเนญโช คือ การหาความโลภไม่ได้
๔. สัพพธิสโม คือ ความรู้สึกไม่รักไม่ชังใคร มีจิตใจเสมอ เหมือนกันหมด

ผู้เขียนขออนุญาตเพิ่มเติม
ตั้งใจเป็นคนดี จะต้องมีสี่ประการ
ไม่โกรธเป็นคนพาล จิตเบิกบานสุขฤดี

ข้อสองต้องมีตาม ไม่ต้องถามไม่ยินดี
วางเฉยได้ยิ่งดี เป็นวิถีที่ปล่อยวาง

ข้อสามความไม่โลภ หากละโมบย่อมแตกต่าง
ไม่โลภเป็นแบบอย่าง เป็นหนทางที่สร้างสรรค์

ข้อสี่จิตเสมอ ฉันหรือเธอย่อมเหมือนกัน
ไม่รักไม่ชังกัน เสมอกันย่อมดีเอย
ปภาวีร์

       จะเห็นว่าคคิธรรมของท่านหลวงปู่ขาว อนาลโย ข้างต้นหากว่าเราใช้สตินั่งอ่านพิจารณา (มีสมาธิ) ผู้เขียนคิดว่าจะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตของคนเราอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยที่สุด หากว่าเรา "ไม่โกรธ" "ตัดกิเลส" (ได้บ้าง) ย่อมจะนำไปสู่คุณสมบัติของคนดี ๔ ประการข้างต้นได้เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่า ทุกอย่างจะต้องใช้เวลาในการฝึกปฏิบัติ หากเราลงมือฝึกปฏิบัติตั้งแต่วันนี้เวลานี้ ย่อมจะส่งผลดีต่อตัวเราในวันหน้าอย่างแน่นอน ดังนั้น ก่อนจากกันคงต้องขอฝากหนังสือ "หลวงปู่ขาว อริยสงฆ์ผู้มั่นคงในศีลและเมตตา" และเช่นเคยเป็นธรรมเนียมที่จะต้องจากลาด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ดังนี้ 

ผู้มั่นคงในศีล ดีไม่สิ้นมีเมตตา
จิตใจไม่โกรธา ธรรมนำพามาสู่ใจ

ปรานีกรุณา พร้อมเมตตาจะสุขใจ
ศีลนำธรรมนำใจ ไม่ว่าใครเป็นคนดี

หากดีไม่ต้องกลัว เขาว่าชั่วใจเราดี
ศีลธรรมนำชีวี ให้มากมีดีต่อตน

ชีวิตมีความสุข ไม่มีทุกข์ในกมล
ยิ้มแย้มกันทุกคน สุขเหลือล้นสุขสำราญ

ชีวิตจิตคิดดี สุขมากมีและเบิกบาน

มีสุขตลอดกาล ยิ่งยืนนานมีสุขเอย

ปภาวีร์ 
๒๘ มกราคม ๒๕๕๘



วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร" อุบลราชธานี

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร"  หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร นามเดิม แก้ว เป็นบุตรของพ่อแก้ว วันจันทึก กับ แม่สีดา วันจันทึก เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ที่บ้านกุศกร อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี  (ประวัติของท่าน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ , ) ทั้งนี้ ทราบว่าก่อนที่หลวงปู่ได้บวชนั้นได้บำเพ็ญตนเป็นฤาษีมาก่อน โดยเป็นลูกศิษย์ของท่านฤาษีตาไฟ เป็นเวลากว่า ๔๕ ปี แล้วหลังจากนั้นท่านได้บวชบำเพ็ญเพียรปฏิบัติ ณ ที่วัดสวนหินผานางคอย ในเวลาต่อมา




ผู้เขียนโชคดีที่ได้มีโอกาสไปวัดสวนหินผานางคอย (อุบลราชธานี) และโชคดีอีก คือ ท่านหลวงพ่อที่วัดฯ ได้เมตตามอบเหรียญของหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ให้มา ๑ เหรียญ ตามรูปภาพข้างล่างนี้



จากรูปภาพข้างบน ผู้เขียนมีความสงสัยว่า "สำเร็จแก้ว" คือ อะไร หมายถึง อะไร ผู้เขียนบอกตามตรงว่า งงๆๆ มากๆๆ  

อย่างไรก็ตาม หลวงปู่พรหมมา ตามประวัติท่านเคยเป็นลูกศิษย์ของ "สำเร็จลุน" (ประวัติหลวงปู่สำเร็จลุน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ,)

ดังนั้น ผู้เขียนเลยขอเดาคำว่า "สำเร็จแก้ว" คงจะหมายถึง หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร เนื่องจาก หลวงปู่พรหมมา ตามประวัติมีชื่อเดิมว่า "แก้ว"

รูปภาพต่อไปนี้ เป็นรูปภาพ "วัดสวนหินผานางคอย"

































ตำนานรักอันอมตะ "ผานางคอย" ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นหญิงสาวสวยงามตามนิมิตของหลวงปู่พรหมมา  ซึ่งคือ นางพญาอินถา ลูกสาวตระกูลสูงศักดิ์แห่งเมืองจำปาศักดิ์ ประเทศลาว นางได้มานั่ง ณ ผาแห่งนี้ทุกวันเพื่อคอยการกลับมาของสามีที่ออกไปรบ  แต่แล้วในที่สุดนางก็ได้ข่าวการเสียชีวิตของสามีในที่สุด นางโศกเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง บนหน้าผาแห่งนี้







สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ วัดถ้ำปาฏิหารย์ ซึ่ง หลวงปู่คำคะนิง ได้เคยมาบำเพ็ญตนปฏิบัติ ณ ถ้ำปาฏิหารย์ เช่นกัน









ผู้อ่านสามารถดูสารคดี ท่องสวรรค์อีสานใต้ เพิ่มเติม เกี่ยวกับ "ถ้ำปาฏิหารย์" และ "วัดสวนหินผานางคอย (หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร)" ได้ที่


เมื่อทุกท่านได้ดูสารคดีดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผู้เขียนรับรองว่าทุกท่านจะต้องอยากไปสัมผัสสถานที่ดังกล่าวทั้ง ๒ แห่ง ( "ถ้ำปาฏิหารย์" และ "วัดสวนหินผานางคอย") อย่างแน่นอน

   ท้ายนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า ด้วยความ "ศรัทธา และ เมตตา" ของหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร ในการปฏิบัติธรรมบำเพ็ญตนเพื่อหลุดพ้นอันเป็นธรรมอันสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชาวพุทธควรจะได้น้อมนำปฏิบัติกันเช่นกันเพื่อให้เกิดความสุขทั้งกายและใจ 
    และเช่นเคยเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ผู้อ่านได้พิจารณา

หลวงปู่พรหมมา มีเมตตาดีอย่างยิ่ง
ศรัทธาให้แท้จริง ต่อทุกสิ่งยิ่งจะดี

บำเพ็ญจิตสงบ ย่อมได้พบแต่สิ่งดี
ธรรมะให้มากมี กุศลดีต่อทุกคน

ครั้งหนึ่งควรต้องไป อยู่ไม่ไกลจากอุบล
สุขใจได้มายล ยิ่งสุขล้นได้พบธรรม

เมตตาฆ่าศัตรู จิตใฝ่รู้ธรรมประจำ
ศรัทธาต้องน้อมนำ และจดจำทำดีเอย

ปภาวีร์ 
๒๗ มกราคม ๒๕๕๘