วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หลวงปู่คำคนิง แสดงฤทธิ์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค



 เมื่อหลวงปู่คำคนิงเดินธุดงค์ผ่านเข้าเขตเชียงตุงในเขตป่าใหญ่เทือกเขาแห่งหนึ่งเป็นภูเขาคิน  มีอุโมงค์พอที่จะเป็นที่พักพิง  หลวงปู่ท่านจึงคิดในใจว่าจะเอาที่ตรงนี้เป็นที่ตายโดยจะไม่ให้ใครเห็นแม้แต่ซากศพของท่านเอง  หลวงปู่ท่านได้อยู่มาถึงหนึ่งพรรษา  หลังจากผ่านไปประมาณเดือนห้าหรือเดือนหก  หลวงพ่อปานวัดบางนมโค  อำเภอเสนา  จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้พาคณะธุดงค์ผ่านมาในเขตเชียงตุง  มาพบหลวงปู่คำคนิงในป่าลึก

         ครั้นเมื่อพบกัน  หลวงพ่อปานก็พูดขึ้นว่า
         “ เออ...นี้พระหรือคน ”
หลวงปู่คำคนิงได้ยิน  ก็เกิดโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที  แล้วพูดขึ้นว่า
         “ ได้พระนะมันอยู่ที่ไหน  เฮ้ย...พระมันอยู่ที่ไหนวะ ”
หลวงพ่อปานท่านก็ย้อนตอบว่า
         “ อ้าว...ก็เห็นผมยาว  ผ้าก็อีหรุปุปะสีเหลืองก็ไม่มี  แล้วใครเขาจะรู้ว่าพระหรือคน ”
หลวงปู่คำคนิงท่านก็ถามหลวงพ่อปานว่า
         “ พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ”  หลวงพ่อปานตอบว่า  ไม่ใช่
หลวงปู่คำคนิงท่านก็ถามหลวงพ่อว่า
        “ พระมันอยู่ที่ผ้าเหลืองหรือวะ ”  หลวงพ่อปานตอบว่า  ไม่ใช่
หลวงปู่คำคนิงก็ถามอีกว่า
       “ แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า ”
หลวงพ่อปานก็ตอบว่า
        “ พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาดนะซี ”
หลวงปู่คำคนิงท่านก็เลยหันมาตะคอกเข้าใส่เอาว่า 
        “ ถ้าอย่างนั้นก็เสือกถามทำไมล่ะวะพระหรือคน ”
หลวงพ่อปานท่านก็เลยตอกกลับให้ว่า
        “ เห็นผมเผ้ายาวรุงรังอย่างนั้นนี่ใครจะไปรู้เล่า ”
หลวงปู่คำคนิงก็ยังไม่หายโมโห  เลยกระแทกให้ว่า 
        “ ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม  ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้ว  เสือกมาถามทำไม  ทำไมไม่ดูใจคน  ไอ้พระบ้านพระเมือง  พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดีมันจะต้องเห็นดีกัน ”

หลวงปู่คำคนิงพูดจบ  ท่านเดือดโมโหจัดก็เลยหันไปคว้าเอาหวายอันยาวร่วมวา  ขว้างผลุงไปตรงหน้าหลวงพ่อปาน      อัศจรรย์เป็นที่สุด  ไม้หายไปกลายเป็นงูตัวยาวใหญ่พุ่งฉกเข้าหากลุ่มพระธุดงค์หลวงพ่อปานแตกฮือหลบฉากไปแอบอยู่ข้างหลังพ่อปานกันหมด  ต่างก็แปลกใจไปตาม ๆ กันไม้ไหงกลายเป็นงู

      อัศจรรย์มาก  ใบไม้ของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นนกตัวใหญ่โฉบเอางูของหลวงปู่คำคนิงหายไปทั้งงูแลนกใหญ่  พองูตกลงมาถึงพื้นดินงูนั้นก็กลายเป็นช้างใหญ่  ส่วนของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นเสือต่อสู้กันต่างฝ่ายต่างก็บันดาลให้เป็นสัตว์ร้าย  ต่อสู้กันเต็มไปหมด  ยังไม่มีใครแพ้  ชนะ  ต่างคนต่างบันดาลลมพายุฝนเข้ากระหน่ำกันจนทำให้ฝุ่นตลบไปหมดในบริเวณนั้น  เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน  ก็หามีใครแพ้ชนะไม่  จนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยอ่อน  ทำอะไรกันไม่ได้

      ในที่สุดหลวงปู่คำคนิงและหลวงพ่อปานต่างก็นั่งลงหัวเราะกันด้วยความขบขัน  หลังจากนั้นหลวงปู่คำคนิงก็บอกคณะธุดงค์ของพ่อปานว่าข้าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน  พระธุดงค์ลูกศิษย์หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบหลวงพ่อคำคนิง  ท่านก็เอามือลูบศรีษะพระทุกองค์ด้วยความเมตตา  หลวงพ่อปานก็บอกกับหลวงปู่คำคนิง  ว่าพระพวกนี้เขาอยากเห็นของจริงก็เลยพาเขามาให้เห็นเสีย  พระพวกนี้เขาก็เป็นคนจริงเสียด้วย

      หลวงปู่คำคนิงก็เลยบอกว่า  ข้าน่ะไม่ได้เก่งอะไรหรอก  อาจารย์แกเขาเก่งอยู่แล้ว  เมื่อพูดจบหลวงพ่อปานก็บอกว่าตัวท่านเองไม่เก่งหรอกสู้หลวงปู่คำคนิงไม่ได้  ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม  ให้ใครเป็นอาจารย์กันผลสุดท้ายตกลงเป็นเพื่อนกันในระหว่างพักแรมด้วยกัน  ต่างฝ่ายต่างโต้ตอบถามธรรมะแก่กันทั้งฝ่ายถามฝ่ายแก้ก็หาได้แพ้ชนะกันไม่  สลับถามตอบกันไปกันมา  จนต่างฝ่ายเลิกถามกันไปเอง  หลวงพ่อปานและคณะธุดงค์ได้พักอยู่กับหลวงปู่คำคนิงหลายวันพอสมควร  จึงได้แยกย้ายจากกัน

อ้างอิง 


หมายเหตุ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค คือ พระอาจาย์ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย เล่าเรื่อง “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”)


จากข้อมูลข้างต้น ย่อมทำให้ทราบว่า พระเกจิอาจารย์ทั้งสองท่านนั้น เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ศึกษาธรรมะเพื่อค้นหาทางหลุดพ้นอย่างแท้จริง 

ดังนั้น ผู้อ่านสามารถอ่านประวัติพระอาจารย์ทั้งสองท่านได้ที่ "ประวัติหลวงพ่อปาน"  และ "ประวัติหลวงปู่คำคะนิง " ตามลำดับ


พระอาจารย์ทั้งสอง สร้างครรลองปฏิบัติดี
ธรรมะนำชีวี สร้างวิถีหลุดพ้นภัย

ท่านแสดงเดชฤทธิ์ เป็นเพื่อนมิตรที่ยิ่งใหญ่
ธรรมะมีน้ำใจ สร้างเหลือไว้เพื่อรุ่นหลัง

เกจิศึกษาธรรม พระพุทธนำเกิดพลัง
ทำดีเป็นที่ตั้ง เกราะกำบังเรื่องไม่ดี

พวกเราต้องทำตาม เรื่องงดงามในเรื่องดี
สองท่านพระที่ดี สอนทำดีมีสุขเอย

มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์
๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น