วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

๒ เมษายน เป็นวันดี อ่านให้ดี แล้วจะดีทุกอย่าง

คนไทยหลายท่านคงจะทราบกันดีว่า วันที่ ๒ เมษายน เป็นวันดีสำหรับคนไทยวันหนึ่งที่เราชาวไทยทุกท่านต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน (ซึ่งวันที่ ๒ เมษายน เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์) และในวันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๐.๐๐ น. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดย นายกสภามหาวิทยาลัย (ศ.พิเศษ ดร.จอมจิน จันทรสกุล) กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ (รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ รศ.ปภัสวดี วีรกิตติ) อธิการบดี (รศ.ดร.นงนิตย์ ธีระวัฒนสุข) รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและชุมชนสัมพันธ์ (ผศ.ดร.มนูญ ศรีวิรัตน์) รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ (ผศ.ดร.อุทิศ อินทรประสิทธิ์) คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ (รศ.ดร.วัชรพงษ์ วัฒนกูล) คณบดีคณะศิลปศาสตร์ (ผศ.ดร.อินทิรา ซาฮีร์) ได้เข้าเฝ้าถวายพระพร ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


นอกจากนั้น วันที่ ๒ เมษายน ยังเป็น “วันรักการอ่าน” ครับ อ่านให้ดี แล้วจะดีทุกอย่าง ตามชื่อเรื่องข้างต้น ผู้เขียนขออนุญาตแลกเปลี่ยนก็แล้วกันนะครับ การที่เราจะได้อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตามแต่นั้น จะต้องมีผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนนี้แหละสำคัญมาก เพราะผู้เขียนจะต้องเป็นผู้รอบรู้โดยการค้นคว้า โดยการปฏิบัติ โดยการทดลองลองผิดลองถูก แล้วได้เป็นความรู้ องค์ความรู้ออกมา หลังจากนั้น ก็ลงมือบันทึกจดเขียนเพื่อถ่ายทอดสืบต่อกันไป ท่านผู้อ่านคงจะเคยดูภาพยนต์จีนกำลังภายใน อาจารย์ผู้สอนจะมีการคิดค้นกระบวนท่าการต่อสู้ต่างๆ แล้วจดเป็นคัมภีร์เคล็ดลับ ดังนั้น จะเห็นว่าขั้นตอนกว่าที่เราจะได้อ่านหนังสือหรือตำรานั้น ผู้รู้จะต้องกลั่นกรองจากประสบการณ์ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสื่อสารให้ผู้ที่สนใจอ่านแล้วเข้าใจ นำไปปฏิบัติต่อๆ ไป

การอ่านทำให้เราได้ทราบข้อมูลความรู้จากผู้มีประสบการณ์ผู้รู้ หนังสือตำรา วารสาร หรือ สื่อพิมพ์ต่างๆ ล้วนแต่เกิดจากผู้รอบรู้ในเรื่องนั้นๆ เขาได้ตั้งใจเขียนตั้งจะสื่อตั้งใจจะให้รู้ อ่านทำให้ผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย เกิดความรู้ เกิดความคิดตามไปด้วย หากใครที่อ่านมากๆ ก็สามารถที่จะคิดประยุกต์เรื่องราวต่างๆ เข้ามาหากันได้ ทั้งนี้ ยิ่งอ่านมากๆ ยิ่งได้รับความรู้มากๆ เมื่อรู้มากๆ ก็สามารถนำไปใช้ประยุกต์ในเรื่องต่างๆ ได้มากตามไปด้วย ผู้เขียนขออนุญาตนำข้อเสนอของคุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ มาแลกเปลี่ยน (ท่านได้กรุณาชี้แนะเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔) คือ เรื่อง ศาสตร์ของการเรียนรู้ เพื่อฝึกให้นักเรียนนักศึกษาได้มีความสามารถในด้านการอ่าน การค้นคว้า การเขียน การวิจารณ์ การนำเสนอ (โดยการพูด) สื่อสาร ซึ่งศาสตร์ของการเรียนรู้นั้นจะต้องเริ่มต้นด้วยการค้นแล้วคว้าแล้วก็อ่าน เมื่ออ่านมากๆ ก็จะต้องสามารถเขียน พูด ออกมาให้ได้โดยสิ่งที่เราเขียนและพูดนั้นเกิดจากที่เราได้อ่านนั้นเอง ดังนั้น จะเห็นว่า เมื่อไรก็ตามที่เราต้องการจะเรียนรู้สิ่งใดๆ ก็ตามแต่ จะต้องเกิดจากการอ่าน และเมื่ออ่านให้ดี แล้วทุกอย่างก็จะดีตามไปด้วย

สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่าวันที่ ๒ เมษายน ของทุกปีจะเป็นวันรักการอ่าน แต่ถ้าเราคนไทยทุกคน รักการอ่านไม่ว่าจะเป็นวันไหน เวลาไหน สถานที่ใด อ่านมากๆ และอ่านให้ดีๆ ผู้เขียนเชื่อว่า ชีวิตของเราจะดีไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น