วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

โรงเรียน (เก่า) แต่เราไม่เก่า


ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผู้อ่านหลายๆ ท่านคงได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด เยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ เยี่ยมครูบาอาจารย์ญาติมิตรสหาย โดยที่โรงเรียนระดับประถม มัธยม ก็มักจะจัดงานคืนสู่เหย้า หรือ งานผ้าป่าสามัคคี เพื่อระดมทุนการศึกษาจากศิษย์เก่าผู้ที่มีอาชีพหน้าที่การงานมีเงินมีทอง (ทั้งจำนวนมากและไม่มาก)


โรงเรียนของเราที่เราได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่เด็กๆ (ซึ่งบางท่านอาจจะย้ายโรงเรียนบ่อยๆ ก็ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะความจำเป็นของครอบครัว) แต่ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะจดจำเหตุการณ์ในวัยเด็กของเราได้ว่าเป็นอย่างไร มีอะไรบ้างที่ประทับใจ มีอะไรบ้างที่เป็นบทเรียน เพื่อนำสอนสู่ลูกหลานของท่าน ว่าบางอย่างควรจะทำบางอย่างไม่ควรจะทำ
ที่เราทุกคน เติบโตเติบใหญ่มีอาชีพการงาน มีทุกสิ่งทุกอย่างมาอัตภาพของแต่ละท่านนั้น ก็เพราะเราทุกคนผ่านการศึกษาจากโรงเรียน (เก่า) ของเราตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ถ้าหากเราไม่มีโรงเรียนไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่มีคุณครูคอยอบรมบ่มนิสัยเรา คอยบอกคอยสั่งสอนเรา ผู้เขียนเชื่อว่าเราจะไม่มีวันนี้

ปีใหม่ปีนี้ (๒๕๕๔) ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียน (เก่า) ที่เคยเล่าเรียนศึกษาทั้งประถมมัธยม (ตอนต้น ตอนปลาย) สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้ระลึกถึงขึ้นมาในช่วงเสี้ยววินาที นั้นคือ ความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยอยู่ที่แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ความรู้สึกนึกคิดในช่วงเวลานั้น สามารถที่แผ่ซ่านผ่านจิตผ่านร่างกายโดยที่รู้สึกว่า "มันเป็นเวลาที่รวดเร็วเหลือเกิน" เราสามารถที่จะนึกคิดว่า ตอน ป.๑ มีอะไรที่เรามีความสุขประทับใจ ตอน ป.๒ ป.๓ ป.๔ หรือ ป.๕ ป. ๖ เราผ่านอะไรมาบ้าง

ผู้อ่านหลายท่านคงจะรู้ดีว่า การที่เราผ่านมาถึงทุกวันนี้นั้น เพราะเรามีคุณครูที่ดี เรามีเพื่อนที่ดี เรามีคุณพ่อคุณแม่ที่ดี ที่คอยบอก คอยสั่งเราให้ไปโรงเรียน เพราะโรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้จริงๆ เรียนรู้ว่า การอยู่ร่วมห้องกับเพื่อนๆ จะทำอย่างไร เรียนรู้การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ตรงต่อเวลา เรียนรู้ว่ากีฬาคือการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายและความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา โชคดีที่ผู้เขียนเป็นนักกีฬาโรงเรียน ตอนประถมก็เป็นนักวิ่งกรีฑาและนักฟุตบอล ตอนมัธยมก็เป็นนักกีฬาบาสเกตบอล (ทั้งของโรงเรียนประจำจังหวัดและเยาวชนตัวแทนจังหวัด) ทำให้รู้ว่า โรงเรียนเป็นสิ่งที่เราควรจะกลับไปทดแทนบุญคุณ (ถ้ามีโอกาส)

ถึงแม้ว่าโรงเรียนของเราจะเก่า เพราะเราอาจจะรู้สึกว่าตัวเราแก่ไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านจะต้องเป็นเหมือนกับผู้เขียน คือ จิตวิญญาณของการเป็นนักเรียน โดยเฉพาะถ้าหากท่านได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียน (เก่า) ของท่าน และลองนึกทบทวนดูว่า มีอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความสุขในวัยเรียน ซึ่งผู้เขียนคิดว่าท่านจะต้องมีสักเรื่องอย่างแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โรงเรียนก็มีการผุพังตามกาลเวลาเช่นเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ผุพังตามเวลา นั้น คือ ความรู้สึกที่ดีๆ เรากับโรงเรียน (เก่าๆ) ของเรา ความรู้สึกที่ว่า เป็นความรู้สึกที่น่าจดจำเป็นความทรงจำที่จะอยู่กับตัวเราจนกว่าเราจะลับลาจากโลกนี้

ดังนั้น ถ้าหากผู้อ่านท่านใดได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของเรา ก็ลองหาโอกาสสักประมาณ ๕ ถึง ๑๐ นาที ลองไปเดินรอบๆ พื้นที่โรงเรียนเก่าของเรา รับรองได้ว่าเมื่อนั้น ความรู้สึกเก่าๆ ความนึกคิดเก่าๆ จะผุดขึ้นมาในจิตของท่าน และท่านอาจจะหลั่งน้ำตาออกมาก็ได้ว่า ครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ที่นี้ เราได้รับสิ่งดีๆ จากที่นี้ เราได้เพื่อนดีๆ จากที่นี้ เราเป็นคนดีได้ในวันนี้ ก็เพราะที่โรงเรียนนี้

ครับ โรงเรียน (เก่า) แต่จิตวิญญาณของเราไม่เก่า เป็นสิ่งหนึ่งเราควรจะบอกลูกบอกหลานต่อๆ กันไปว่า ที่แห่งนี้แหละที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเราในวันนี้

มนูญ ศรีวิรัตน์

โรงเรียน (เก่า) ของผู้เขียนเมื่อประถมวัย

โรงเรียน (เก่า) ของผู้เขียนเมื่อตอนมัธยมต้น



โรงเรียน (เก่า) ของผู้เขียนเมื่อตอนมัธยมปลาย




1 ความคิดเห็น: