วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขึ้น เข้า ไป

วันนี้วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ขออนุญาตผู้อ่านที่เคารพทุกท่านว่า ผู้เขียนขอเขียนในสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และแง่คิดในการเป็นคนไทย ครับ
ขึ้น หมายถึง วัตถุสิ่งของเคลื่อนที่จากที่ต่ำไปตำแหน่งที่สูง
เข้า หมายถึง วัตถุสิ่งของเคลื่อนที่จากข้างนอกไปสู่ข้างใน
ไป หมายถึง เคลื่อนที่จากตำแหน่งหนึ่งสู่ตำแหน่งหนึ่งโดยเกิดระยะทางมาเกี่ยวข้อง

ช่วงวันสองวันที่ผ่านมา (น่าจะตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๓) ผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวหรือได้อ่านข่าวเกี่ยวกับของเงินเดือน ท่าน ส. ท่าน ข. ท่าน อ. ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ เมื่อวานนี้ที่มีการขึ้นเงินเดือนของท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายใน... สะพา

แต่สำหรับวันนี้ ผู้เขียนขอนำเสนอ ขึ้น เข้า ไป (รวมกัน คือ ขึ้นเข้าไป)
การที่เงินเดือนขึ้นดังกล่าวจะกระทบอะไรบ้าง ผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ แต่รู้เพียงแต่ว่าเงินดังกล่าวที่จะใช้สำหรับการขึ้นเงินเดือนจะต้องนำมาจากภาษีของประชาชนของบริษัทห้างร้านต่างๆ แล้วบริษัทห้างร้านต่างๆ จะเอาเงินมาจากไหนจ่ายภาษีจำนวนมากขึ้น ก็นำมาจากการขึ้นราคาสินค้า แล้วสินค้าจะมาจากนั้นก็มาจากโรงงานต่างๆ หรืออาจจะเป็นเกษตรชาวนาชาวไร่ แต่ความเป็นจริงค่าแรงก็ยังต่ำและราคาสินค้าทางการเกษตรก็ยังต่ำ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับท่าน ปัญหาดังกล่าวก็ตกอยู่กับคนใต้ดิน (ผู้เขียนไม่ขอเรียกว่ารากหญ้า เพราะเป็นประชาชนคนชั้นต่ำที่ไม่มีโอกาสที่จะเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้น

ขึ้น หรือ การขึ้นดังกล่าว ก็จะนำไปสู่การเข้า ซึ่งการเข้าที่ว่านี้ คือ การเข้าสู่ปัญหาของคนด้อยโอกาสคนประชาชนที่ไม่รู้ว่าจะไม่เรียกร้องกับใครหน้าไหน ที่จะเข้าใจพวกเขาเหล่านั้น ดังนั้น
เข้าดังกล่าว คือ การเข้าสู่ปัญหา และการเข้าใจว่า ไม่มีใครช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นได้ ท่านใดที่เป็นมีอาชีพเงินเดือนเป็นพนักงานบริษัท ข้าราชการ พนักงานของรัฐอาจจะไม่เข้าใจ อาจจะไม่รู้สึกเดือดร้อนมากมายเท่าไรนัก เพราะสิ้นเดือนก็มีคนจ่ายเงินเดือนให้ในการใช้จ่าย แต่กล่าวสำหรับคนที่ระดับใต้ดินพวกเราไม่รู้ไม่เข้าใจว่า สิ้นเดือดแล้วพวกเขาจะเอาเงินทองมาจากไหนเพื่อประทังชีวิต และถ้าหากปัญหาดังกล่าวทิ้งไว้เนิ่นนานแล้ว จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ประเทศบ้านเมืองนี้ไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย และการเข้าดังกล่าวยิ่งจะทำให้เข้าไปสู่ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในสังคม

กล่าวสำหรับ ไป แล้ว ก็จะยิ่งไปกันใหญ่เหมือนที่ผู้เขียนได้กล่าวมาข้างต้น ไป การไป ดังกล่าวจะทำให้เกิดระยะทางระยะห่างของสังคม ระหว่างท่าน ส. ท่าน ข. ท่าน อ. ต่างๆ กับคนระดับใต้ดิน ไปดังกล่าวจะทำให้เกิดความรู้สึกว่า ทำไมความห่างของกลุ่มคนในสังคมช่างมีระยะทางที่มากเหลือเกิน เมื่อเกิดระยะห่างระยะทางช่องว่างมาก ก็จะทำให้เกิดความห่างเหินกัน และในที่สุด สังคมของเราก็จะเกิดการแยกออกจากกันในที่สุด

ดังนั้น วันนี้ผู้เขียนขอเรียกร้องให้เราทุกคนลองมาทำอะไรให้ตรงกันข้ามกับ ขึ้น เข้า ไป จะดีหรือไม่ ซึ่งจะเป็นคำที่ว่า ลง ออก มา (เนื่องจาก ขึ้น คู่กับ ลง เข้า คู่กับ ออก และ ไป คู่กับ มา)

ลงที่ว่า หมายความว่าอย่างไร ลง คือ การที่เราทุกคนที่มีโอกาสลองลงมาสัมผัสกับเพื่อนมนุษย์ที่ด้อยโอกาส สอบถามทุกข์สุขพวกเขาว่า พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ดีสบายหรือไม่อย่างไร ลงจากตำแหน่งต่างๆ ที่สมมติขึ้นมา ลงจากหน้าที่แต่งเติมเสริมแต่งให้มีหน้ามีตา เพื่อลงมารับรู้ปัญหาของเพื่อนๆ เหล่าชาวใต้ดิน

สำหรับ ออก คือ ออกจากที่สุขสบาย ออกจากที่เป็นเรื่องสมมติ ออกจากความลุ่มหลงต่างๆ ที่ทำให้เกิดความโลภ

และ มา คือ มาสู่ธรรมชาติของชีวิตทั่วไป มาสู่ธรรมะ มาสู่ความเป็นจริงที่แท้จริงของพวกเราที่ว่า ในที่สุด เราก็หลีกหนีความตามไปไม่พ้น มาสู่ความเป็นตัวตนของเราตั้งแต่แรกเกิด คือ เราไม่ได้มีอะไรมากับตัวเรา

ดังนั้น หากเราลองทำให้สิ่งที่ตรงข้ามกับ ขึ้นเข้าไป ให้กลายเป็น ลงออกมา ตามที่ผู้เขียนได้ลองเสนอตามข้างต้น ผู้เขียนเชื่อว่าสังคมของเรา ประเทศของเราจะมีแต่ความสุข ไม่เกิดระยะห่างช่องว่างระหว่างความเป็นมนุษย์ด้วยกัน แล้วเราก็จะพบกับความสุขที่มีความเสมอภาคกัน ด้วยเหตุนี้ ก็อยากจะให้ท่าน ส. ท่าน ข. หรือ ท่านอื่นๆ (ที่มีเงินเดือนกันสูงๆ มากๆ ที่ขึ้นกันไปตั้ง ๑๔ เปอร์เซ็นต์) ลอง ลง (ลงจากตำแหน่ง) ออก (ออกจากหน้าที่) และ มา (มาอยู่กับพวกเราชาวใต้ดิน) แล้วท่านจะเข้าใจว่า ลงออกมา จะเป็นอย่างไร
มนูญ ศรีวิรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น