วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กด แล้ว ดัน หรือจะเป็น ดัน แล้ว กด

เราทุกคงจะทราบกันดีนะครับ ว่า กด หมายถึงอะไร กด เป็นลักษณะที่เราใช้กำลังที่มีอยู่ถ่ายน้ำหนักหรือพละกำลังลงวัตถุสิ่งของเป็นจุดๆ ที่เราต้องการ โดยเมื่อกดแล้ววัตถุสิ่งของนั้นจะได้รับการขยายตัวอันเนื่องมาจากพละกำลังดังกล่าว ซึ่งการขยายตัวจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่พละกำลังที่ใช้ไป

ส่วนการ ดัน จะเป็นลักษณะที่เราใช้กำลังที่มีอยู่เช่นกันถ่ายน้ำหนักหรือพละกำลังไปที่วัตถุสิ่งของเป็นบริเวณที่เราต้องการ โดยเมื่อดันแล้ววัตถุสิ่งของนั้นจะได้รับการเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้านหลังด้านบนหรือด้านล่าง จะเห็นว่า กด และ ดัน มีความหมายที่ต่างๆ กัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ จะต้องมีการใช้พละกำลัง พลังงาน ในการกระทำทั้งสอง นอกจากนั้น สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างหนึ่ง คือ จะต้องมีเป้าหมายในการใช้พละกำลังหรือพลังงาน ไม่ว่า จะเป็นจุด หรือ บริเวณ

การกดแล้วดัน หรือ การดันแล้วกด สามารถเกิดขึ้นได้กับหลายเหตุการณ์แต่มักจะเกิดขึ้นกับการใช้พละกำลัง พลังงานกับวัตถุสิ่งของเท่านั้น เช่น การกดเก้าอี้ลงและดันเข้าไปเก็บในที่ใดที่หนึ่ง หรือ การดันกล่องออกมาแล้วกดเก็บลงในที่เก็บ เป็นต้น

แต่ที่ผู้เขียนต้องการที่สื่อให้เห็นและเกิดขึ้นบ่อยๆ เป็น คำติดกัน ระหว่าง กด และ ดัน กลายเป็น กดดัน (ไม่ใช่ ดันกด จะหมายถึง เราทำอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจกดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง) คือ คำที่ใช้กับนุษย์กับมนุษย์ ซึ่ง กดดัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการของใครๆ เพราะเนื่องจากว่าเมื่อไรที่เราโดยกดดันหรือถูกกดดัน จะหมายถึง เราถูกบังคับให้ต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่เราจะต้องทำให้สำเร็จตามที่ผู้บังคับ (ผู้กดดัน) เราต้องการ

จะเห็นว่า เมื่อเราถูกกดดันหรือโดยกดดันเราจะมีความรู้สึกว่าเครียด รู้สึกกระวนกระวาย รู้สึกไม่สบายใจ พูดง่ายๆ คือ มีความเป็นทุกข์เกิดขึ้น เอาตัวอย่างง่ายๆ ก็แล้วกัน คือ อาจารย์กดดันในนักเรียน นักศึกษาจะต้องส่งการบ้านหรืองานให้ตามเวลาที่กำหนด หรือ คุณพ่อคุณแม่กดดันเราให้เรียนได้เกรดสูงๆ หรือ เจ้านายที่ทำงานกดดันให้ลูกน้องทำงานให้แล้วเสร็จภายในเวลาเร็วที่สุด เป็นต้น

เราทุกคนที่เกิดมาล้วนเคยเป็นทั้งผู้กดดันหรือผู้ถูกกดดัน แต่เมื่อไรก็ตามที่เป็นผู้กดดันมักจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่า มีพละกำลังมากกว่า มีพลังงานมากกว่า มีอะไรที่เหนือกว่าผู้ถูกกดดัน ดังนั้น ถ้าหากเราเป็นผู้มีอำนาจมีพลังใช้พลังอำนาจที่มีอยู่อย่างไม่บริสุทธิ์ใจจะทำให้การกดดันดังกล่าวนั้น เกิดความไม่ยุติธรรม ไม่เป็นที่พอใจของทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากเราไม่จำเป็นก็ไม่ควรที่จะกดดันใครๆ นะครับ

แต่อย่างไรก็ดี ถ้าหากการกดดันทำให้เกิดผลดีต่อผู้ที่ถูกกดดัน หรือ องค์กร หน่วยงาน เราก็ควรให้พละกำลัง พลังในการกดดันด้วยความบริสุทธิ์ใจและยุติธรรมนะครับ สำหรับผู้ถูกกดดัน ถ้าหากว่าเราได้รับการกดดัน เราก็ควรตั้งใจทำงานนั้นให้สำเร็จในเวลา ให้ได้ตามกำหนด ให้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้กดดันได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ ถ้าจะให้ดีทั้งผู้กดดันและผู้ถูกกดดันก็ควรทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ดีเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาในการเข้าใจผิดในเรื่องนั้นๆ ประการสุดท้าย คือ ถ้าหากเลี่ยงได้ ก็อย่าไปกดดันใครๆ และ อย่าไปดันกดในเรื่องใดๆ ก็แล้วกันนะครับ

มนูญ ศรีวิรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น