วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บริจาค

เมื่อหลายวันก่อนผู้นำรัฐบาลของเราได้พูดถึงการรับบริจาคความคิดเห็น ผู้เขียนก็เกิดความรู้สึกว่าอยากจะบริจาคความคิดเห็นเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผู้เขียนยังไม่เข้าใจหรืออาจจะเข้าใจผิด ก็คือว่า การบริจาคแท้จริง คืออะไรกันแน่ ที่ผู้เขียนรู้และเข้าใจผ่านมา นั้น บริจาค คือ สิ่งที่เราต้องการให้คนอื่นๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากจะให้ เพื่อให้คนอื่นที่เดือนร้อนนำสิ่งที่เราบริจาคไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้บริจาคจะไม่สนใจว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนหรือไม่ประการใดจากการบริจาคนั้นๆ
ผู้เขียนได้บริจาคโลหิตมาแล้วจำนวน 38 ครั้ง โดยตั้งใจว่าจะบริจาคไปเรื่อยๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ หลายครั้งที่ผ่านมาผู้เขียนได้บริจาคเกร็ดเลือด (ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณครั้งละ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง และที่สำคัญคือ การบริจาคเกร็ดเลือดสามารถบริจาคได้ทุกเดือน มีบางครั้งที่โรงพยาบาลโทรศัพท์มาเรียกให้ไปบริจาคเกร็ดเลือด) เนื่องจากมีผู้ป่วยต้องการเลือดอย่างเร่งด่วน ทุกครั้งที่บริจาคโลหิตมีความรู้สึกที่ดีมากเพราะเราบริจาคด้วยความบริสุทธิ์ไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ แทบทั้งสิ้น จะเห็นว่าการบริจาคโลหิตดังกล่าวผู้รับบริจาคได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล
การบริจาค เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นการให้ที่เป็นบุญกุศล การที่เรามีสิ่งของอยู่กับตัวเราแล้วไม่เกิดประโยชน์ใดๆ แต่ถ้าหากเรานำไปบริจาคให้กับผู้คนที่เขาต้องการใช้ในสิ่งนั้นๆ (ผู้ให้บริจาคก็ได้รับประโยชน์ คือ สิ่งของที่มีอยู่ไม่รกบ้าน ในกรณีบริจาคเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ) ผู้ได้รับบริจาคก็ได้รับประโยชน์ ตัวอย่างการบริจาคที่ง่ายๆ คือ ถ้าท่านใดมีหนังสือตำราวิชาการที่ท่านเองเก็บไว้ท่านไม่ได้ใช้ประโยชน์ ท่านสามารถนำไปบริจาคให้คนอื่นๆ เขาได้อ่าน เขาได้เรียนรู้ การบริจาคแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะความรู้จากตำราจากหนังสือต่างๆ จะช่วยให้ผู้รับบริจาคสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ
ที่ผ่านมาในชีวิตหลายๆ ท่านเคยบริจาคทานอย่างแน่นอนอาจจะไม่มากก็น้อยแล้วแต่ปัจจัยของเราที่มีอยู่ หลายท่านๆ เคยได้รับสิ่งของที่บริจาค เราจะเห็นว่าการบริจาคนั้นเกิดขึ้นเมื่อเกิดความเดือดร้อนกับกลุ่มคนที่ได้รับประสบภัยในด้านต่างๆ แน่นอนครับ คนที่มีกำลังทรัพย์จำนวนมาก ควรที่จะบริจาคให้คนที่เดือดร้อนเหล่านั้น เพราะการที่เราต่างช่วยกับบริจาคดังกล่าวจะทำให้เพื่อนมนุษย์ของเราได้บรรเทาผ่อนคลายความเดือดร้อนลงไปได้ ถึงแม้ว่าการบริจาคอาจจะยังไม่เพียงพอก็ตาม แต่เชื่อว่าสิ่งของที่เขาได้รับ ปัจจัยต่างๆ ที่เขาได้รับ จะทำให้พวกเขาคลายทุกข์ลงไปบ้าง หมดทุกข์ลงไปบ้าง
การบริจาคความคิดตามข้างต้นที่ผู้เขียนได้เกริ่นนำนั้น ถ้าหากเราบริจาคความคิดไปแล้ว ผู้รับบริจาคผู้ที่รวบรวมความคิดไม่ได้นำไปใช้ ผู้เขียนคิดว่าไม่น่าจะเข้าข่ายหรือเป็นการบริจาค เพราะอย่าลืมว่าผู้รับบริจาคสิ่งใดๆ ก็ตามแต่จะต้องนำสิ่งที่เราบริจาคนั้น ไปใช้ ไปก่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป ถึงจะเรียกว่า บริจาคอย่างแท้จริง (และผู้บริจาคก็ควรให้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้น)
ที่นี้ สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าเราทุกคนสามารถที่จะบริจาคได้ คือ การบริจาคเวลาในการทำงานให้มากที่สุด ครับ เวลาในการทำงานของแต่ละท่านในแต่ละวันมีความเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครได้รับมากได้รับน้อยกว่ากัน เพียงแต่เราจะทำอย่างไรที่เราจะบริจาคเวลาในการทำงานให้กับองค์กรของเราให้ได้มากที่สุด ความหมายก็คือว่า เราต้องตั้งใจในการทำงานใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด เมื่อเราบริจาคเวลาดังกล่าวแล้ว ถามว่าใครได้รับประโยชน์ แน่นอน ครับ องค์กรของเรา หน่วยงานของเราได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน
นอกจากการบริจาคเวลาแล้ว ถ้าหากสามารถบริจาคความรักให้เพื่อนร่วมงานเของเราโดยไม่ได้หวังผลอะไร เพื่อนๆ ร่วมงานของเราได้รับความรัก ต่างคนต่างได้ความรักซึ่งกันและกัน องค์กรของเราหน่วยงานของเรา ก็มีแต่ความรักกัน สามัคคีกัน เมื่อนั้น ความสุขก็ตามมา ดังนั้น เรามาช่วยกัน บริจาค ตั้งแต่วันนี้ร่วมกัน เพื่อให้เราทุกคนได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ ที่เป็นประโยชน์ และที่สำคัญ คือ สิ่งใดที่อยู่กับตัวเราแล้วไม่เกิดประโยชน์ เรามาลองบริจาคให้คนอื่นเพื่อเขาจะได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป หากเป็นเช่นนี้แล้ว สังคมไทยของเราก็จะร่มเย็นเป็นสุข มีแต่ผู้มีจิตศรัทธา มีแต่ผู้มีเมตตา ในการบริจาคตลอดกาล
มนูญ ศรีวิรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น