วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ สติ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ  สติ"  คติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ดู สั้นๆ คือ "สติ" ตามรูปภาพต่อไปนี้



คติธรรมคำสอนของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ข้างต้นนั้น สั้น "สติ" เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวของเรามากที่สุด  ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามแต่หากว่ามี "สติ" แล้วย่อมจะเกิดผลดีอย่างแน่นอน 

ดังนั้น คงจะเป็นหน้าที่ของทุกคนทุกท่านที่จะต้องคอยหมั่นดูว่าตัวเรามี "สติ" หรือยัง หากยังไม่มี ก็คงจะต้องฝึกไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะมี "สติ" ในทุกเรื่องทุกเมื่อ แล้วเชื่อว่า "สติ" จะเป็นสิ่งที่นำให้ทุกท่านสามารถก้าวต่อไปในสิ่งที่ดีๆ ในที่สุด

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้โปรดพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป ดังนี้ 

สติเกิดอย่างไร  ต้องเข้าใจให้มากมี
สติวินาที  จะต้องมีดีแน่นอน

สติในทุกเรื่อง  ทำต่อเนื่องให้ได้ก่อน
สติในทุกตอน  จะตัดรอนสิ่งไม่ดี 

สติสิ่งเริ่มต้น  ฝึกอดทนสนให้ดี
สติในเรื่องดี  เกิดผลดีมีตามมา

สติรู้ตัวตน  ธรรมให้สนล้นอุรา
สติมีคุณค่า  จะนำพาหาพ้นกรรม

สติอยู่ทุกเมื่อ  จิตอย่าเบื่อเพื่อพบธรรม
สติมีประจำ   จิตน้อมนำทำต่อไป

สติมีเมื่อตาย  อย่าเดียวดายอายมีไว้
สติสิ่งยิ่งใหญ่  มีเมื่อใดใจสุขเอย

ปภาวีร์ 
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ อุปสรรคเป็นครู"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ อุปสรรคเป็นครู" คติธรรมคำสอนของหลวงพ่อจรัญ  สำคัญอย่างยิ่งในเรื่อง "อุปสรรคที่เป็นครู"  ขอเชิญทุกท่านอ่านได้ตามรูปภาพต่อไปนี้

คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญข้างต้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนอย่างแน่นอน เพราะชีวิตของมนุษย์เรานั้น ล้วนแต่มีอุปสรรคกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว หากไม่เชื่อ ท่านลองคิดทบทวนดูว่าอุปสรรคของเราตั้งแต่เกิดมา ตั้งแต่ยังเด็กเล็กนั้น มีอะไรบ้าง และที่ผ่านมาในชีวิตของเรานั้น มีจำนวนอุปสรรคมากน้อยเท่าไร แต่อุปสรรคเหล่านั้น ต่างก็เป็นครูที่ดี ทำให้เราได้รับประสบการณ์ได้เรียนรู้แก้ปัญหา เช่นเดียวกันกับเรื่องของศัตรู  ทุกคนที่เกิดมาอาจจะมีศัตรูในเรื่องต่างๆ  ดังนั้น ยิ่งทำให้เราได้ยาบำรุงกำลังใจ อย่างที่ท่านหลวงพ่อจรัญได้กล่าวไว้ข้างต้น 

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้โปรดกรุณาชี้แนะแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป ดังนี้ 

อุปสรรคเป็นครู  ยิ่งศัตรูเป็นยาดี
อุปสรรคมากมี  ยิ่งจะมีประสบการณ์

ศัตรูรู้เข้าใจ  รู้มากไว้ใจประสาน
ด่าเราไปทุกงาน  เดี๋ยวก็ผ่านล่วงเลยไป

ศัตรูสร้างบารมี  ยิ่งมากมีดีที่ใจ
ยิ้มสู้รู้ด้วยใจ  ธรรมะได้ยิ่งประเสริฐ

หากว่ามารไม่มี  บารมีดีไม่เกิด
เข้าใจได้ผลเลิศ  ก่อกำเนิดกุศลนำ

ทุกคนมีอุปสรรค เบาหรือหนักรักในธรรม
ยิ้มสู้อยู่ประจำ  จิตน้อมนำทำแต่ดี

ทุกคนมีศัตรู  ธรรมเรียนรู้ดูให้ดี
ก่อเกิดบารมี  สุขฤดีมีชัยเอย

ปภาวีร์ 
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ : ทำความดี เสียสละ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "หลวงพ่อจรัญ : ทำความดี เสียสละ" คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญสำคัญอย่างยิ่งที่ยิ่งจะต้องพิจารณากันว่าตัวเรานั้น "ได้ทำความดี แล้วหรือยัง ได้เสียสละอะไรบ้างแล้วหรือยัง"  ดังนั้น จึงขอเชิญชวนทุกท่านอ่านได้ตามรูปภาพต่อไปนี้
คติธรรมคำสอนของท่านหลวงพ่อจรัญข้างต้นเกี่ยวกับเรื่องของการทำดี ทำความดี ทั้ง ๔ (สถานที่ คน กาลเวลา  สม่ำเสมอ) อย่างนั้น เป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งจริงแท้แน่นอน และรวมถึง "ความเสียสละ" ด้วยแล้วนั้น ยิ่งเป็นสิ่งดีสำหรับมนุษย์ทุกคนทุกท่านที่จะต้องพยายามทำให้ได้  หากท่านใดทำได้ย่อมได้รับสิ่ง "ดีๆ" ในที่สุด

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้เมตตากรุณาพิจารณาแนะนำเพื่อการปรับแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป ดังนี้ 

เรื่องดีมีสี่อย่าง  เป็นหนทางสร้างความดี
เรื่องแรกสถานที่  จะต้องดีมีพร้อมคน

เรื่องสามกาลเวลา  ต้องนำพาหาให้สน
สม่ำเสมออย่าบ่น  ดีมากล้นคนมีธรรม

เสียสละต้องมี  เป็นเรื่องดีมีประจำ
ละชั่วมั่วไม่ทำ  ไม่จดจำนำชั่วมา

สมบัติทั้งสี่สิ่ง  เป็นของจริงยิ่งคุณค่า
ทำดีทุกเวลา  เป็นบุญญาพาเบิกบาน

ธรรมะจะต้องมี  ทำความดีมหาศาล
จิตใจสุขสำราญ  มุ่งนิพพานกาลเร็ววัน

ลดละพร้อมปล่อยวาง  จิตให้ว่างทางสุขสันต์
สิ้นสุดวนเวียนพลัน  สู่นิรันดร์วันนี้เอย

ปภาวีร์ 
๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "การที่เรียนให้รู้จักธรรมะ ก็คือหัวข้อธรรม - ญาณทรรศน์ สมเด็จพระสังฆราชฯ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "การที่เรียนให้รู้จักธรรมะ ก็คือหัวข้อธรรม  - ญาณทรรศน์ สมเด็จพระสังฆราชฯ" คติธรรมคำสอนในเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เกี่ยวกับเรื่อง "การรู้จักธรรมะ" ซึ่งสามารถรับฟังได้จาก YouTube ต่อไปนี้ 
https://www.youtube.com/watch?v=dcjE4y23lvY




การที่เรียนให้รู้จักธรรมะ ก็คือหัวข้อธรรม คือที่เป็นสมมติบัญญัติ ให้รู้จักอรรถะคือเนื้อความของหัวข้อธรรมน­ั้น เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินคำว่านามรูป เมื่อได้ยินคำว่าขันธ์ ๕ ก็รู้ว่าหมายถึงอะไร ดั่งนี้เป็นต้น เป็นข้อที่ต้องเรียนทั้งนั้น คือจะต้องศึกษาอันเป็นการเรียน คือสำเหนียกกำหนดให้รู้จักหัวข้อ หรือชื่ออันเป็นสมมติบัญญัติ แล้วต้องให้รู้จักความหมายอันเป็นที่ตั้งข­องสมมติบัญญัตินั้น


และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้โปรดเมตตาพิจารณาชี้แนะนำเพื่อการปรับแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป ดังนี้

เมื่อเรียนต้องศึกษา สิ่งมีค่าพาเข้าใจ
ธรรมะสิ่งยิ่งใหญ่  กว่าอะไรใครจะรู้

เรียนรู้หัวข้อธรรม  พร้อมจดจำนำเรียนรู้
เรื่องธรรมใจให้สู้   จิตเชิดชูอยู่ทุกวัน

หัวข้อธรรมจำแนก  ตั้งแต่แรกแยกสร้างสรรค์
สั่งจิตให้ขยัน   พร้อมค่อยหมั่นมั่นที่ใจ

สำเหนียกกำหนดรู้  อ่านเขียนดูอยู่เรื่อยไป
รู้จักธรรมสู่ใจ  ไม่ว่าใครใยต้องสน

เรียนธรรมนำดวงจิต  เรียนรู้คิดชิดกมล
จิตใจไม่หมองหม่น  ได้ทุกคนพ้นทุกข์ภัย

เรียนรู้สนให้มาก  ไม่ได้ยากหากสนใจ

หัวข้อธรรมนำใจ  สุขฤทัยได้ธรรมเอย

ปภาวีร์ 
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "เสียงธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน "เสียงธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" 



เสียงธรรมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ นั้นเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง  ซึ่งญาติธรรมทุกท่านสามารถ Download ได้ที่ต่อไปนี้ (ซึ่งเป็น File mp3)

"เสียงธรรมของหลวงปู่ดู่

และทุกท่านสามารถที่จะอ่านคำถอดเทป ได้จากต่อไปนี้

"คำถอดเทปเสียงธรรมหลวงปู่ดู่

ซึ่งหากว่าทุกท่านทั้งฟังเสียงธรรมของหลวงปู่ดู่ข้างต้น และอ่านคำถอดเทปประกอบด้วย เชื่อว่าทุกท่านจะได้รับสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน ดังนั้น หากว่ามีเวลาลองฟังหลายๆ รอบ และ อ่านหลายๆ รอบแล้ว เชื่อว่าทุกท่านจะได้รับสิ่งที่ดีมีประโยชน์อย่างยิ่ง

และเป็นธรรมเนียมที่ผู้เขียนจะต้องขออนุญาตฝากกาพย์ยานี ๑๑ ไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้โปรดกรุณาเมตตาพิจารณาชี้แนะแนะนำเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป ดังนี้

เสียงธรรมนำความรู้  หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
เป็นสิ่งไม่อวดโอ้  ไม่คุ้ยโม้โต้ตอบใคร

ต้องลองทดลองฟัง  เกิดพลังสั่งจิตใจ
ฟังมากให้เข้าใจ  ไม่ว่าใครย่อมได้ดี

เสียงธรรมนำคำอ่าน  ธรรมประสานงานชีวี
ฟังแล้วต้องทำดี  นำฤดีมีเบิกบาน

เสียงธรรมนำดวงจิต  ให้ได้คิดชิดการงาน
ฝึกตนสนนิพพาน  ให้เชี่ยวชาญสำราญใจ

ต้องฟังหลายหลายรอบ จิตรอบคอบตอบธรรมได้
น้อมจิตมากเข้าไว้  ฟังเมื่อไหร่ใจเห็นธรรม

ยิ่งอ่านนานหลายครั้ง  จิตพร้อมสั่งให้จดจำ
ขอเชิญฟังเสียงธรรม  จิตดื่มด่ำนำสุขเอย

ปภาวีร์ 
๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
FB : ธรรมะเพื่อชีวิต โดย ปภาวีร์       

ธรรมะเพื่อชีวิต ตอน คำว่า ‘โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม’ “คติธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"

https://www.facebook.com/watputtaprompanyo
เทปเสียงเก่าอายุประมาณ 30 ปี เป็นเทปบันทึกเสียง การตอบปัญหาธรรมของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ กับคณะญาติโยมที่เข้ากราบ
. . . . . . . . .
บทถอดเทปบันทึกเสียงหลวงปู่ดู่ตอบปัญหาธรรมเวอร์ชั่น ๑.๑
โยมผู้หญิง : วงในเราใช้พุทธคุณ
หลวงปู่ : วงในไม่ได้ติดใจ มีไหม มีเท่าไร แบ่งเอาไปซิ อิทธิบาทใช้เนี่ยใช้ 4 ส่วน ส่วนหนึ่งทิ้งน้ำ อีกส่วนหนึ่งใช้
หนี้เก่า อีกส่วนหนึ่งให้อสรพิษ อีกส่วนหนึ่งฝังดินไว้
โยมผู้หญิง : ส่วนที่ฝั่งดินนี่
หลวงปู่ : ก็คือการ(เจ้า)สร้างอะไรต่ออะไรเนี้ยให้อสรพิษ อีกคำพูดหนึ่งเนี้ยเรื่องเทวดาอะไรละ ใครเป็นถึง
พระเจ้าแผ่นดิน คนไปตัดไม้ไป ตัดไม้ซะทุกปี ปีหนึ่งก็เยอะ เยอะ เยอะ ก็เลยลงมาถามว่าตัดเอาไปทำไมมากมาย 
ก็ผมมีกติกาอย่างนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน หนึ่งใช้หนี้เก่าคือบิดามารดา ให้กับอสรพิษลูกเมีย
โยมผู้ชาย : ลูก เมีย เป็นอสรพิษหรือครับหลวงตา
หลวงปู่ : ก็เขาฆ่าเราก็ได้ อะไรก็ได้
โยมผู้หญิง : เพราะเรารักเขาอะ คนที่เรารัก
หลวงปู่ : นี่คือการวางแบบแผนของพระ
โยมผู้หญิง : คนที่เรารักนี่ทำเราได้นะ คนที่เราไว้เนื้อเชื่อใจทำเราได้เพราะเราไม่ระวัง 
หลวงปู่ : ได้ทั้งนั้น เขาใส่เราแป๊บเดียวก็ตาย เรากินข้าวเขา ฝีมือเขา ยาพิษโรยไปหน่อยเราก็ตาย เขาจะแยก
ให้เราไหมเล่า เขาไม่ได้แยก ด่ากันตีกันเขาไม่ได้แยก(หลวงปู่ดื่มน้ำ บอกกับโยมว่า “เทศน์ดีไม่รู้จักกินน้ำ” 
โยมผู้หญิงหัวเราะ พูดว่า “เทศน์ดี” โยมผู้ชายคุยกันว่ามี 4 (หมายถึง อิทธิบาท 4) มีพระเจ้าแผ่นดิน ทิ้งน้ำ 
ให้อสรพิษ แล้วมีให้ โยมผู้หญิงบอกโยมผู้ชายว่า "ฝั่งดิน" โยมผู้ชายพูดว่า "ฝั่งไว้นี่ก็หมายถึงว่าของตัวเอง" 
โยมผู้หญิง "สะสมไว้" )
หลวงปู่ : ฝังไว้ของศาสนาไง อื้อก็ฝังไว้
โยมผู้ชาย : แล้วอีกอันหนึ่ง
หลวงปู่ : อันก็กินเข้าไป
โยมผู้ชาย : อ๋อ กินเข้าไป
หลวงปู่ : อือ ก็กินสิ
โยมผู้ชาย : ก็คือใช้เอง
หลวงปู่ : อืมใช้เอง ดีสุด นี่ให้ทองเท่าลูกฟัก
โยมผู้หญิง : ทองเท่าลูกฟัก
หลวงปู่ : พระราชาประกาศ แล้วได้เงินมานี่ แบ่งสรรปันส่วนอะไรต่ออะไร พวกนี้สัปปะดินอะไรต่ออะไรรู้หมดแหละ ก่อนนี้มีทนายหน้าหอ กล่าวที่นี่นะเขาก็แดงเป็นไฟไปเลย ก็รู้ว่าจะเผาคนอื่นก็เลยเล่าให้ฟัง คนนี้ ก็เลยจำไว้ 
มาเถียงกันที่นี่อสรพิษนิ๊ เอ้า ก็คนบ้านเดียวกันก็คงจะไม่ฆ่ากัน อ้า กลัวใจแล้วแหละ อสรพิษ
โยมผู้หญิง : คนบ้านเดียวกันน่ากลัวกว่าคนนอกบ้าน คนบ้านเดียวกันเราไว้ใจ มาก ทุกสิ่งเขารู้หมด
หลวงปู่ : ก็เขาอาจแยกได้ เขาเห็นเราแก่ ฆ่ามันเสียเถอะ ให้สิ้น
โยมผู้ชาย : เอามรดก
หลวงปู่ : เอาใหม่ (น่าจะหมายถึงการหาคู่ใหม่)
โยมผู้ชาย : อ๋อ หัวเราะ
หลวงปู่ : ผู้หญิง เมีย เมียเขาคิด 
โยมผู้หญิง : งั้นก็โชคดีนะ ที่ได้เมียอย่างเนี้ยไม่เคยคิดฆ่าผัวเลย
หลวงปู่ โยมผู้ชาย : หัวเราะ
หลวงปู่ : คนอื่นๆ เขามีเยอะแยะไปหมด คนดีๆ ตายซะหมดเรื่องเยอะเลย 
โยมผู้หญิง : คนดีๆ ตายซะหมด
หลวงปู่ : อ้าว!! รุ่นก่อนไม่มีนิ๊นะ เขาทางไหนก็มีทางนั้น เทศน์ก็เทศน์อีกอย่าง 
โยมผู้หญิง : อย่างหลวงปู่เมื้อก๊้ อย่างเราทำอะไรไปก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ทำแบบซังกะตายอะไรอย่างเนี่ย คือจะทำทำเนี่ยแบบถึงที่สุดเลย เพราะว่ามีจุดมุ่งหมายว่าจะทำเพื่ออะไร แต่บางทีไม่ได้อยากทำแต่ก็ต้องทำ
หลวงปู่ : อ้าวไม่ทำได้ไง เดี๋ยวไม่มีกิน 
โยมผู้หญิง : ใช่ 
หลวงปู่ : เลือกเอานะ
โยมผู้หญิง : อยากหาความสุขที่แท้จริงหลวงปู่ ความสุขที่แท้จริง 
หลวงปู่ : ไม่มีอะ แท้จริง 
โยมผู้หญิง : ความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่หน้าตา ไม่ใช่ชื่อเสียงนะ
หลวงปู่ : อืม ไม่อะ ไม่แท้ไม่แท้หรอก ไม่แท้ซักอย่าง
โยมผู้หญิง : แล้วอะไรละคะ ถึงจะกำหนดเราได้ว่า 
หลวงปู่ : ฉันทะ ฉันทะ มีอย่างเดียวเท่านั้นเอง ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเราได้แล้วละก็ มันก็ เย็น
โยมผู้หญิง : ศีลได้
หลวงปู่ : ยังไม่แท้ ยังไม่ครบ
โยมผู้หญิง : สมาธิบางอย่างยังไม่ได้เพราะว่าต้องทำงาน งานที่ทำนี่
หลวงปู่ : นั่นแหละ เขาเรียก ศีล สมาธิ ปัญญา
โยมผู้หญิง : งานที่ทำนี่...ใหญ่
โยมผู้ชาย : ได้แต่ศีลตัวอย่างเดียว สมาธิยังไม่ได้ ปัญญายังไม่เกิด 
โยมผู้หญิง : ปัญญามี
โยมผู้ชาย : สมาธินี่คืออะไรครับหลวงปู่
หลวงปู่ : หือ ก็จิตมั่นไงเล่า
โยมผู้หญิง : สมาธิ ถ้าจิตมั่นละก็ อุ๊ก็มีจิต แต่ไม่ครบทุกมั่น มั่นอันนู้นมั๊ง ไม่มั่นอันนี้มั๊ง 
หลวงปู่ : นั่นสิ
โยมผู้หญิง : ก็มี ก็เรียกว่ามีสมาธิแต่ไม่ทุกอย่าง
หลวงปู่ : นี่มันทำสมาธิลมๆ สมาธิของพระพุทธเจ้าท่านเรียก ศีล สมาธิ เนี่ยมันใส ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
โยมผู้หญิง : คืออย่างเมื่อก่อนเนี่ย ก็ไม่มีใครเลยพระ จนกระทั่งมาเจอะหลวงปู่ดู่ แล้วก็หลวงปู่ก็มาเล่าเรื่อง
หลวงพ่อจันดีให้ฟัง หลวงปู่ก็บอกอย่าไปประมาทท่านนะ แล้วก็กลับไป เหมือนกับมีท่าน จริงๆ แล้วเนี่ย อุ๊เป็นคนมั่นใจ ไม่ชอบ เขาเรียกอะไร ข้าสองเจ้าบ่ายสองนายอะไรอย่างงี้ ไม่ชอบ ศิษย์หลายอาจารย์ก็ไม่ชอบ ไม่ได้เป็นคนชอบแบบนั้น
หลวงปู่ : ซักพักเดินมาจะฟ้อง
โยมผู้หญิง โยมผู้ชาย : หัวเราะ
โยมผู้หญิง : ฟ้องเถอะ ฟ้องเถอะ เป็นคนไม่ชอบจริงๆ ฮะ อย่างแบบว่าที่กลับไปรับยอมรับว่าถ้าท่านมีอะไรล่วงรู้
ก็ให้ท่านรู้ไปเถอะเพราะว่าบางทีเนี่ยขัดกับความรู้สึกเรา แต่ว่าโอเคเราตั้งใจจะทำบุญแล้วก็ช่วยหรือว่าคิดจะทำอะไร เพราะสงสารท่าน 
หลวงปู่ : เอาแล้ว ใช้ได้แล้ว มีดีซะอย่างก็จะคอยช่วย ของไม่ดีมันตามมาทีหลังเราก็ปัดทิ้งไป มันเป็นฝุ่นฝอย
โยมผู้หญิง : คือมั่นใจไงฮะ มั่นใจในสิ่งที่เราเจอะ มั่นใจในสิ่งที่เราเห็น ก็มีความรู้สึกว่าในเมื่อสิ่งที่เรายึดเราเหนี่ยวเรายังปฏิบัติไม่ดีเลยแล้วยังไปหาอย่างอื่นเข้ามาอีกทำไม ความรู้สึกเป็นอย่างงี้
หลวงปู่ : โอเค ใช้ได้แล้วละคราวนี้
โยมผู้หญิง : โอเค เดี๋ยวนี้ซักเก่ง หัวเราะ เก่งภาษา
หลวงปู่ : ของจริงอยู่ที่ละ (หรือพระไม่รู้คะ ฟังไม่ถนัด) ไม่มีใครละได้ จิตมันละ ละไง กาย วาจา ใจ นั่นจริง 
หลวงพ่อเกษม 
โยมผู้หญิง : อย่างเมื่อเช้าเนี่ย พอรู้ว่าท่านไม่ได้หยิบอะค่ะ ไม่รู้ใครหยิบลงมารองนอน อุ๊จะร้องไห้เลย 
โยมผู้ชาย : พี่รองนอน
โยมผู้หญิง : ใครหยิบมาไม่รู้ คนนี้เป็นคนหยิบ อ๋อ ก็ยอมรับซิ 
โยมผู้ชาย : จะรับนั่นแหละ พูดอยู่ในรถ 
โยมผู้หญิง : ไม่พูดว่าพี่เองก็จบ
โยมผู้ชาย : จะพูดก็หูอิ้อตั้งแต่เมื่อเช้า กิเลสเยอะ โลภะจัด
โยมผู้หญิง : โลภะนี่ สามีสร้างหลวงปู่ อุ๊ไม่มีเลย 
หลวงปู่ : เขารับแล้ว หมดเรื่องกัน อโหสิ อโหสิกรรม
โยมผู้หญิง : อโหสิคะ อโหสิ
หลวงปู่ : อโหสิ หมดเรื่องกัน 
โยมผู้หญิง : เพราะว่าอุ๊หยิบ อุ๊หยิบมาเลยเนี่ยใส่รถมาด้วยเพราะอุ๊เป็นทุกข์ อุ๊ไม่สบายใจ 
หลวงปู่ : มีแต่คนจะขอแต่จีวรผ้า ไม่รู้จะเอาไปทำไม
โยมผู้หญิง : ให้ผ้าขี้ริ้วไปซิ
หลวงปู่ : หึ ของต่ำนะผ้าขี้ริ้ว
โยมผู้หญิง : หัวเราะ ทำได้ ก็แล้วแต่คน หลวงปู่ก็ดูเองคนที่จะเคารพบูชาจริงๆ ก็มีกำลังใจ ถึงน้อยก็ได้ยึดมั่นในพุทธศาสนา บางคนเอาไปเห็นปฏิบัติเกิดอะไรขึ้นมายิ่งทำให้เลื่อมใสมาก ยิ่งทำให้ยึดถือมาก แต่สามีว่าหลง เขาบอก
อุ๊นะหลงอะ ไม่ได้นับถืออย่างเดียว หลง
หลวงปู่ : เนี่ย เขากำลังถือให้ตรงกัน มันนับถือมากไปมันก็หลง
โยมผู้หญิงกับโยมผู้ชาย : หัวเราะ
โยมผู้หญิง : หาว่าหลง คือหลวงปู่ อะไรก็ตามที่เราเห็นแต่ตัวเรา เราสามารถพูดได้ ไม่ใช่มีใครเขาเล่าว่า ในเมื่อเราเห็นแล้วเราเจอะแล้ว เราไม่ยึดถือสิ่งที่เราเห็นเราเจอะมายึดถือหรือว่ายึดมั่นเนี่ย ว่าโง่เต็มที คือใครจะพูดยังไง 
ก็เบนใจอุ๊ไม่ได้ อุ๊ก็เป็นคน
หลวงปู่ : มี ที่นี่เขามีหัดกันนะมี เขาทำเป็นทุกอย่างๆ แต่เย็นก็อดที่จะหิ้วขวดไม่ได้
โยมผู้หญิง : กลัวจะไม่เคยนะซิ ในชีวิตนี้
หลวงปู่ : ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่พูด ให้ฟัง ตัวอย่าง
โยมผู้หญิง : เข้าใจคะ
หลวงปู่ : มีแถวบ้านนี้ นั้นละ เขาก็บอกพวกเขา
โยมผู้หญิง : ปฏิบัติแต่ตอนเย็นหิ้วขวด หัวเราะ (น่าจะหันไปพูดกับผู้ชาย)
หลวงปู่ : เขาบอก เอ่อ ไปดี มันก็หิวขวดเรื่อยของมัน
โยมผู้หญิง : แต่อุ๊นี่ทางทานนะฮะ ทานบารมี ศีล แต่ทางปฏิบัติเนี่ย ปฏิบัติคือที่อุ๊ทำอยู่เนี่ยก็ปฏิบัติแบบศีล 5 เมื่อมีเวลาก็เจริญภาวนา แต่ส่วนมากภาวนามากกว่านั่งสมาธิ เพราะนั่งสมาธิแล้วกลัวจ๊ะเอ๋อะ บางทีมีความรู้สึกจะจ๊ะเอ๋
หลวงปู่ : เอ๋อะไร
โยมผู้หญิง : จะจ๊ะเอ๋ใครในที่นั่งนะสิ
หลวงปู่ : หือ อะไรจะมีมา มีมาเราก็ได้บุญมาก
โยมผู้หญิง :เหรอค่ะ
หลวงปู่ : อ้า หลวงพ่อเกษมก็ยัง เจอนิ๊ จ๊ะเอ๋ ตั้งแต่หัวค่ำถึงสว่าง
โยมผู้หญิง : อ๋อ
โยมผู้หญิง 2 : หลวงปู่ค่ะ หนูไม่เคยนั่ง นั่งเห็นสมเด็จเลย เมื่อกี้นั่ง เมื่อกลางวันนิ๊ฮะ ในถ้วยชา นั่งไปเห็นสมเด็จ แล้วก็เห็นในหลวง
หลวงปู่ : อ้าว ดีแล้วละ กำลังรวมนะ รวมพล
โยมผู้หญิง :จะมีอะไรหรือฮะ ถึงได้กำลังรวมพล ที่จะไปเป็นพระศรีอริยเมตตรัยรึเปล่า
หลวงปู่ : ไม่ใช่ รวม รวม รวม มาทั้งหมด คณาจารย์ในคณะจะได้เจริญขึ้น ใครจะมารวมเอาคนเดียวเล่า ถวายเข้าพระ บูชาพระ อะไรพระเนี่ย รวมทุกอย่าง ทุกอย่าง แล้วเผื่อแผ่ถึงคนอื่น
โยมผู้หญิง : อ๋อ เรื่องเผื่อแผ่ เผื่อแผ่ อะฮะ
หลวงปู่ : อ่าว เผื่อแผ่ เผื่อแผ่ซิ ไม่ต้องกลัวว่า มันไม่หมดหรอก ทั้งจักรวาลนิ๊ ให้นิดๆ หน่อยๆ ได้
โยมผู้หญิง : อย่างใส่บาตรหรืออุทิศส่วนกุศล ก็บอกขอพร
หลวงปู่ : ไอ้นั่นมันก็ใส่บาตร ไอ้นี่เขาปฏิบัติกัน ขอความปฏิบัติให้เจริญขึ้น ก็แกตาเห็นละก็เท่ากับ 7 วันเท่ากับ
แกนึกถึงข้า 7 วันละก็ ไม่ไปก็กลับมาด่า
โยมผู้หญิง : ถ้าตายใช่ไหมคะ
หลวงปู่ : ไม่ตายละ เป็นๆอย่างนี้แหละ อย่าทำเป็นหัวล่อ
โยมผู้หญิง : ถ้าปฏิบัติ 7 วันใช่ไหมค่ะ ถ้าไม่ไปให้มาด่า เอาคนนี้แทนได้ไหม
หลวงปู่ : เอาไม่ได้
โยมผู้หญิง : ภารกิจหนูเยอะ
โยมผู้หญิงกับโยมผู้ชาย : หัวเราะ
โยมผู้ชาย : นั่งพูดอย่างเดียว หัวเราะ (ว่าโยมผู้หญิง)
โยมผู้หญิง : ไม่หลวงปู่ อุ๊ 4 บริษัท งานเยอะมากอะคนเดียว
หลวงปู่ : ได้คนเดียวก็แบ่งได้จะเป็นไร
โยมผู้หญิง : นอนยังไม่ค่อยมีเวลานอนเลย ใส่บาตรเดี๋ยวนี้เช้าๆ ก็สั่งเด็กให้เป็นคนใส่ อะไรอย่างเงี้ย แต่อย่าง
หลวงปู่นี่ไม่ให้ใครมาเยี่ยมแทน มาเอง อย่างอื่นส่วนมากให้ไปแทนหมด
โยมผู้หญิง 2 : หลวงปู่ฮะ อย่างที่หนูสงสัยเนี่ยคือปกติเนี่ยหนูจะเห็นแต่ในหลวง ไม่เคยเห็นสมเด็จเลย เพิ่งเห็นคู่ แล้วหนูก็ไม่ได้นึกถึงสมเด็จเลย มันทำไหมเป็นภาพ...
หลวงปู่ : อู้ว มันเกิดเอง หลวงพ่อเกษมนี่ก็ติดไปกับพระเจ้าแผ่นดิน อะไม่เชื่อเช็คในนี้ได้ ไม่จริงก็ด่าแม่เลย
โยมผู้หญิง : หนูไม่กล้าด่าท้าจังเลยตั้งวันแรกยันวันนี้ ใครเขาจะกล้าด่าคนที่มานี่ไม่ได้คิดมาด่าทั้งนั้น 
หลวงปู่ : ไม่ใช่ให้ด่า
โยมผู้หญิง : ท้าอย่างอื่นซิ
หลวงปู่ : หึ
โยมผู้หญิง : ท้าอย่างอื่นซิ
หลวงปู่ : ท้าอย่างอื่น ก็ให้ไง
โยมผู้หญิง : ไม่รู้ 
หลวงปู่ : ไม่ดูแกจะได้หมดตัวสงสัย ไอ้ที่ให้ดูนี่นะ
โยมผู้หญิง : ไม่สงสัยอะไรหรอกหลวงปู่ แต่ว่าที่หลวงปู่พูดอะไรนิ๊เชื่อหมด
หลวงปู่ : ไม่แน่ซิเอ็งยังเดินผิวๆ อยู่เนี่ย ตามเรา หนุนบ้าง ยอบ้าง จะให้เราล้มเสียให้ได้
โยมผู้หญิง : หัวเราะ ไม่...
หลวงปู่ : องค์ไหนท่านมาทั้งนั้น เราทำเป็นละก็
โยมผู้หญิง : อ๋อ
โยมผู้ชาย : ไอ้ที่ไม่เห็นนี่แสดงว่าทำไม่เป็นใช่ไหม
หลวงปู่ : อ่าว เราจับองค์พระไม่ได้ 
โยมผู้ชาย : ผมไม่เคย...
หลวงปู่ : เด็กอายุห้าขวบมันยังจับกันได้เลย
โยมผู้หญิง : คือหลวงปู่เดี๋ยวนี้นะฮะ พอตั้งจิตอธิษฐานหลับตานี่ยังเพียงแค่นึก ทำไมแม้กระทั่งหน้าหลวงปู่ หรือหน้าองค์ไหน ถ้าอย่างจะนึก แบบชัดมาก
หลวงปู่ : นั่นไง ทำหนักเข้าดีมากขึ้น อยากจะได้ของ
โยมผู้หญิง : เนี่ยบางองค์อุ๊นึกชัดเลยนะคะ
หลวงปู่ : นั่นแหละของดีแล้ว แกเจอแล้ว แกไม่เอามากๆ แกกินนิดเดียวมันก็ได้นิดเดียวนะสิ 
โยมผู้หญิง : กินนิดเดียวก็อิ่ม เราคนมักน้อย
หลวงปู่ : มักน้อยอะไรมันก็มีไม่พอนะซิ ขนเสบียงไม่พอ ไปทีหลังบอกจะไปขอเขา เขาไม่ให้นะ
โยมผู้หญิง : หัวเราะ
หลวงปู่ : ได้ภาวนาอย่างหนึ่ง ทำสมาธิได้หลายๆ อย่างเนี้ยมันคนละอย่าง
โยมผู้หญิง : คนละอย่าง
หลวงปู่ : อืม การสาธยายอะ สาธยายไปให้ตลอดจบพระไตรปิฏก สวดทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน ตลอด
โยมผู้หญิง : ค่ะ
หลวงปู่ : เจอพระอรหันต์ 7 องค์ มีครั้งพระพุทธกาล มีพระพุทธเจ้า ชื่อว่า โปฐิละ โปฐิละ ท่านเจอทั้งท่านเป็นอาจารย์สอนพระธรรมะ ทั้งนั้นด้วย วันหนึ่งก็เวลามันใกล้จะดี ก็มาเขาจะมาในวัดนี้ มาแล้วเขาก็มาผ่านพระพุทธเจ้าก่อน ซึ่งมาหกคำนบก่อน แล้วพระพุทธเจ้าทักว่าไง นี่โภฐิยะ ท่านไม่เรียก โปฐิละ อาจารย์ใบลานเปล่ามาหรือนี่ 
โยมผู้หญิง :อาจารย์ใบลานเปล่า 
หลวงปู่ : เปล่า ไม่มีอะไรเลย
โยมผู้ชาย : อาจารย์ใบลานเปล่า (พูดกับโยมผู้หญิง)
โยมผู้หญิง : ได้ยิน ได้ยิน แหม๋ หูดีจัง
หลวงปู่ : แล้วทีนี้ก็ไป กลับไปคุยกับพวกกับอะไร แล้วทีนี้เย็นๆ จะกลับ ก็ไปลาอีกจะกลับ อาจารย์ใบลานเปล่า
กลับรึนี่ ท่านว่างั้น ท่านก็ติดใจท่านซิ ท่านทัก เอ้ เราเป็นท่านอาจารย์สอนธรรมะตั้ง 8 หมู่ เป็นอาจารย์สอนเขา
แต่ตัวไม่ได้ ครั้งนั้นมีพระสหพระพุทธเจ้า 3 องค์
โยมผู้ชาย : ทำไม (น่าจะถามโยมผู้หญิง)
หลวงปู่ : ไม่ได้ปฏิบัติ
โยมผู้หญิง : ไม่ได้ปฏิบัติ คือได้แต่สอน ไม่ได้
หลวงปู่ : สอนได้ แบบแผนได้หมดที่สอนๆ นะ พระเป็นอรหันต์ได้หมดนู้นนะ จะว่าไง ท่านทำให้พระ ท่านประมาทเอง พอกลับไปถึงที่อยู่ ที่อยู่ก็เดี๋ยวก็พระองค์นั้นก็มาหา องค์นี้ก็มาหา ผมลาไปป่าซักครึ่งเดือน หรือเดือนหนึ่ง 30 รูปไป ออกเรือนไป อ่าว ลาไป อ่าว ไป ไป ไป หมู่ที่ 2 มาลาอีกละ แล้วก็มาลาอีกละ สามครั้ง เอ๊ะไปมั้งเถอะวะเรามันคงมีอะไรดีแน่ในป่า แล้วก็ใจโล่งๆ เชียว ก็อยากไปปฏิบัติในป่าเงียบๆ ภัยอันตรายมีรอบตัว นี่ไปถึงก็ ตอนหลังไปก็พระหมู่หลังนี่ต้องไปเจอก่อน ที่ไปอะ ไล่กันไป ไปก็ไปเจอหมู่นี่ ทีนี้ท่านบอก อ่าวผมจะมาขออะไรต่ออะไร เอ่า อาจารย์สอนผมมาผมก็มาทำตามแบบอาจารย์ นิมนต์อาจารย์ไปข้างหน้าเหอะ ก็ไปหาหมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 ก็ไปเจอ ก็ไปอีกไปขอเรียนเขาอีก เขาก็บอกอย่างนั้นอีก แล้วก็ไปหมู่ที่ 1 ที่นั้น ที่ 1 ก็ไปขอเรียนอีก ก็ผมเอาจากอาจารย์มา อาจารย์ก็ให้ท่าผมทำงั้น งั้น งั้น แต่ท่านรู้เสร็จสรรพมันไม่ดี ถูกหลัก หมดเรื่อง ให้ไปต่อไปอีก 
ไปเจอโมคคัลลานะ สารีบุตร สององค์ท่านนั้นก็ เอ่า นั้นแตกฉานแล้ว ในกลุ่มท่านมีพระ 500 500 500 ทั้งนั้น ก็ไปถามเขา นั่นนะเข้าไปก็ไปเจอสามเณรองค์หนึ่งนั่งเย็บผ้าอยู่กลางหอสมุด ผ้าขาด นั่งถ่างขาถ่างแข้ง อายุ 8 ขวบ 9 ขวบ เททิ้งซะนี่ อะไร น้ำ
โยมผู้หญิง : น้ำผึ้งขิง หัวเราะ 
หลวงปู่ : ก็ไปหาเณร เณรก็ อ่าว เณรขอผมเรียนไอ้นี่ซักหน่อยเหอะ เณรตอบว่า “ท่านเชื่อผมไหมละอย่างนั้น”
ขึงขังอะ ท่านดูอีก เณณไม่ค่อยมีอะไรมากมาย แต่ท่านเป็นพระอรหันต์ เณรพูดว่า “เชื่อผมไหมเล่า” พระโปฐิละ “เอ่าเชื่อสิ อ่าวเชื่อ” เณรพูด “อ่าวท่านไปลุยโคลนโน้น” ให้ไปลุยโคลน พอเดิน ยอมแล้ว ทั้งขาทั้งแข้งอยู่ในน้ำ 
เณรบอก พอให้ทำท่านก็ทำได้ พอท่านมา อ่าว สมมุติว่ามีจอมปลวกอยู่นี้ จอมปลวกเกาะกลุ่มอยู่ ท่านต้องหมายว่าตัวของท่านนะ มีเหี้ยวิ่งเข้าวิ่งออก 5 รู
โยมผู้หญิง : ตัวเงินตัวทอง
หลวงปู่ : ไม่ใช่ตัวเงินตัวทอง หายใจเข้า หายใจออก หู จมูก กาย อะไรต่ออะไรไล่ไปไล่มา
โยมผู้หญิง : อ๋อ
หลวงปู่ : แล้วท่านก็บอกว่า รู มันคือไอ้นี้ สมมุติไม่ออกเลย บอกว่าให้ไปปิดไอ้ 5 รูซะ จับเหี้ยในมโน 
คือจับเหี้ยอยู่ในใจ คือใจ ปั๊บๆ ท่านบอกอย่างงั้นปุ๊บๆ สำเร็จอรหันต์เป็นเลย เดี๋ยวนั้น ท่านพูดปราบ พูดแล้วเชื่อเลย (หมายถึงเณรพูดปราบพระโปฐิละ)
. . .
จบบทถอดเทปเวอร์ชั่น ๑.๑
อนุโมทนาบุญกับอาสาสมัครถอดเทปทุกท่าน